ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ปตท. หรือ PTT ตั้งเป้าหมายการลงทุน 5 ปี (2561-2565) ในธุรกิจเทรดดิ้งจะมีปริมาณธุรกรรมเทรดดิ้ง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2563 และเพิ่มเป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2565 จากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.60) อยู่ที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
“การขยายธุรกิจเทรดดิ้ง จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจเทรดดิ้งประเภท out-out ที่เป็นการซื้อมาขายไปภายนอกประเทศมากขึ้น หลังพบว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป และกำลังผลิตในประเทศใกล้ถึงจุดอิ่มตัว จากปริมาณการใช้ที่เติบโตลดลงและยังไม่มีกำลังผลิตใหม่ๆ ทำให้ธุรกิจเทรดดิ้งประเภท in-out ที่เป็นนำผลผลิตในประเทศส่งไปขายต่างประเทศเริ่มมีข้อจำกัด จากอดีตที่มีธุรกรรมเทรดดิ้งประเภท in-out มีสัดส่วนสูงถึง 60% ของปริมาณการค้าทั้งหมด แต่ปีที่ผ่านมา ลดลงเหลือราว 40% ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งประเภท out-out มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% ในปีนี้ จากอดีตที่มีสัดส่วนไม่กี่เปอร์เซ็นต์” นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย PTT กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2561 ผู้ผลิตน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในอเมริกาเหนือมีแนวโน้มที่จะเพิ่มตลาดการค้าในเอเชียมากขึ้น ปตท.จึงเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจและพยายามหาช่องทางการค้า เพื่อสร้างเครือข่ายทั่วโลกในการจัดหาแหล่งพลังงานหรือ supply ที่หลากหลาย
ปัจจุบัน ปตท.มีการจัดตั้งสำนักงานธุรกรรมเทรดดิ้งประเภทน้ำมันดิบ,น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมี ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์,จีน,ลอนดอน,ดูไบ,อินโดนีเซีย และไทย โดยพบว่า ในส่วนของลอนดอนที่เพิ่มเปิดสำนักงานในปีนี้เป็นปีแรก มีปริมาณธุรกรรมเทรดดิ้งเติบโตสูง อยู่ที่ 5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะเติบโตขึ้น 5 %