PACE เผย SCB ซื้อ PP ล็อตแรก 400 ล้านหุ้น จากจำนวนจองซื้อรวม 1.5พันล้านหุ้น

436

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ  PACE  โดย  นายสรพจน์ เตชะไกรศรี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  เปิดเผยว่า บริษัทได้มีมติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement)เนื่องด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) SCB ได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์ในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ซึ่งออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามที่อนุมัติโดยที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/60 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 60 ในจำนวนรวมกันไม่เกินร้อยละ10 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยธนาคารฯ จะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ เป็นคร่าว ๆ และจำนวนหุ้นที่จองซื้อรวมกันทั้งหมดไม่เกิน 1.5 พันล้านหุ้น ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว โดยในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกนี้ ธนาคารฯ มีความประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งแรกจำนวน 400 ล้านหุ้น

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเท่ากับ 0.51 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 204 ล้านบาท โดยราคาเสนอขายดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทฯในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลังไม่น้อยกว่า 7 วันทำการติดต่อกัน (ราคาตลาด) ก่อนวันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่ได้อนุมัติการกำหนดราคาเสนอขายในครั้งนี้ (วันที่ 3 ม.ค 61) กล่าวคือ เป็นราคาถัวเฉลี่ยน้ำหนักระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2560 ซึ่งมีราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเท่ากับ 0.56 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดส่วนลดของราคาเสนอขายเป็นจ านวนร้อยละ 8.93ของราคาตลาดดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 2/60ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เลิกบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท เพซ ครีเอทีฟ เอเจนซี่ จำกัด (“PCA”) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบ โฆษณา การสื่อสารทางการตลาด และมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ใน PCA ร้อยละ 100 ของจานวนหุ้นทั้งหมดของ PCA เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจประเภทดังกล่าว อีกทั้งธุรกิจนี้มิใช่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะดำเนินการเลิกบริษัทตามขั้นตอนทางกฎหมายและชาระบัญชีให้เสร็จสิ้น ทั้งนี้การเลิกบริษัทย่อยดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ แต่อย่างใด