อันดับที่1 IHL ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 3 พัน ลบ. มั่นใจกำไรสุทธินิวไฮต่อเนื่อง แย้มแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ชงบอร์ดช่วง ก.พ.61
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานข่าวหุ้น ราคา บมจ. อินเตอร์ไฮด์ หรือ IHL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 วันติดต่อกัน จากวันที่ 28 ธ.ค.60 ราคาปิดตลาดอยู่ที่ 10.00 บาท โดยวันที่ 3 ม.ค.61 ราคาได้มาอยู่ที่ 10.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือคิดเป็น 3% อีกทั้งปริมาณการซื้อขายยังหนาแน่นต่อเนื่อง แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า IHL ได้ตั้งเป้ายอดขายปี 2561 จะทำได้กว่า 3,000 ล้านบาท จากปี 2560 ที่คาดทำได้ตามเป้ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยปีนี้มีปัจจัยหนุนจากการขยายกำลังการผลิตในส่วนของหนังสำหรับเบาะรถยนต์ แตะ 15,000 ตัวต่อสัปดาห์ จากปีก่อนที่เฉลี่ยราว 10,000 ตัวต่อสัปดาห์ ซึ่งขณะนี้มีความต้องการรองรับค่อนข้างมาก และมีออ ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2562 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากทั้ง 2 ธุรกิจหลัก ทั้งเบาะรถยนต์และการให้บริการต่างๆ
อันดับที่ 2 CBG กำไรปีจอร้อนแรง ลุ้นยอดขายในอังกฤษพุ่ง โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 87.50 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ผลประกอบการของ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป หรือ CBG มีแนวโน้มการเติบโตทั้งในไตรมาส 4/2560 และต่อเนื่องไปถึงปี 2561 โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอพเพิล เวลธ์ กล่าวว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2560 ของ CBG คาดว่ายอดขายจะเติบโตค่อนข้างดี เนื่องจากการขยายตลาดต่างประเทศ แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนทางการตลาดในอังกฤษ (ICUK) ที่จะยังกดดันกำไรต่อเนื่อง โดยในส่วนของยอดขายจะเน้นไปที่การเติบโตของตลาดจีนและอังกฤษ ขณะที่ยอดขายภายในประเทศ และ CLMV เริ่มเติบโตในอัตราชะลอตัว ด้านต้นทุนการผลิตปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตกระป๋องและการขยายกำลังการผลิตขวดแก้วสีชา ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 ของ CBG ไว้ที่ 1,428 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อน เนื่องจากยอดขายที่อังกฤษยังไม่ส่งผลเต็มที่เทียบกับค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลงทุนไป แต่จากการรุกเข้าตลาด Hyper Market ชั้นนำของอังกฤษคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2561 และคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตที่ 1,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% โดยยังแนะนำ “ซื้อ” CBG ราคาเป้าหมาย 87.50 บาท
อันดับที่ 3 SKE คาดยอดขายปี 61 โต 15-16% ตามปริมาณการอัดก๊าซที่เพิ่มขึ้น เล็งประมูลงานโรงไฟฟ้ากำลังผลิต 300 MW
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. สากล เอนเนอยี หรือ SKE โดยนายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายก๊าซธรรมชาติปี 2561 จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 15-16% จากปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 640 ตัน/วัน เนื่องจากคาดว่าปริมาณอัดก๊าซธรรมชาติจะเติบโตเพิ่มตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่ดีขึ้นนอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเข้าประมูลโรงไฟฟ้า VSPP ที่รัฐบาลจะมีการเปิดประมูลราว 300 เมกะวัตต์ อีกทั้งบริษัทสนใจที่จะลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนอื่นๆ เพิ่ม เพื่อหวังกระจายฐานรายได้ของบริษัท จากปัจจุบันที่มีรายได้เกือบทั้งหมดมาจากให้บริการอัดก๊าชธรรมชาติให้กับทาง บมจ. ปตท. ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทจะใช้เงินที่มีอยู่ประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ และใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อันดับที่ 4 AIT ปี 61 ลุยประมูลงาน 2 หมื่นลบ. โบรกฯเคาะแนวต้าน 34 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี หรือ AIT ผู้ให้บริการออกแบบ และรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร ราคาหุ้นภาคบ่ายปรับตัวขึ้นสูงสุด 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +3.31% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 66.61 ล้านบาท นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 2561 มีรายได้ 5,500 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2560 ที่คาดมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 4.1 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ และบางส่วนจะทยอยแบ่งไปรับรู้รายได้ในปี 2562 โดยบริษัทจะมุ่งเน้นรายได้จากการให้บริการซึ่งเป็นรายได้ประจำ เพื่อทำให้สัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 21% ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเข้าร่วมประมูลงานอีกราว 20,655 ล้านบาท เป็นงานจากภาครัฐเป็นหลัก คาดจะได้รับงานราว 2 – 3 โครงการ มูลค่า 6 – 7 พันล้านบาท นักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ประเมินว่า จากกราฟหุ้นทางเทคนิคถือว่าราคาปรับตัวขึ้นมาดีมาก แนะนำนักลงทุน “ทยอยเข้าลงทุน” ประเมินแนวต้านไว้ที่ 34 บาท แนวรับ 30.50 บาท Stop Loss ที่ 30.00 บาท
อันดับที่ 5 CRANE หุ้นวิ่งรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หนุนขายเสาเข็มเจาะเพิ่ม คาดปี 61 รายได้โตกว่า 20%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ. ชูไก หรือ CRANE ปรับตัวขึ้นมาในระดับ 3.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ 5.08% โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต คาดว่านักลงทุนเข้าเก็งกำไร เนื่องจากมั่นใจว่าภาพรวมทั้งปี 2560 ผลประกอบการจะออกมาดี และคาดว่าช่วงต้นปีนี้จะได้รับงานเสาเข็มเจาะเข้ามาเพิ่มมากขึ้นจากการลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ ก่อสร้างถนนที่เริ่มดำเนินการมากขึ้น เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตได้อย่างโดดเด่นในปี 2561 โดยประเมินราคาหุ้นด้านเทคนิคแนวรับที่ 3.60 บาท แนวต้าน 3.80 บาทขณะเดียวกัน งานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเริ่มก่อสร้างมากขึ้น จะเป็นโอกาสที่ดีของการเติบโตของงานเสาเข็มเจาะ คาดว่างานเสาเข็มเจาะของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น 50% จากปี 2560 และมีแนวโน้มสูงที่จะสามารถทำรายได้จากงานเสาเข็มเจาะได้ตามเป้าหมายที่ 400 ล้านบาท