บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป หรือ ERW ว่ามีข้อมูลทางสถิติน่าสนใจ คือ รายได้เฉลี่ยต่อห้องตั้งแต่ 1 ต.ค.-21 ธ.ค.60 เพิ่มขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งเป็น 6% (ไม่นับโรงแรม Hop Inn) โดยอัตราการเข้าเช่าสูงเป็น 82% ถือว่าเพิ่มขึ้น 5% ส่วนธุรกิจที่ดีคือ โรงแรมแบบประหยัดถือว่ามีการเติบโตสูงสุด แม้มีการปิดซ่อมบางส่วนสำหรับ JW Marriott กรุงเทพที่เป็นโรงแรมหรูหราก็ตาม ด้าน Hop Inn ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 4% จากทั้งหมด อัตราการเข้าเช่าสูงเป็น 78% ถือว่าเพิ่มขึ้น 3% ตั้งแต่ 1 ต.ค.-21 ธ.ค.60 มีอัตราค่าห้องพักเพิ่มขึ้น 7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคาดว่าในปี 2563 สัดส่วนรายได้จาก Hop Inn จะเพิ่มขึ้นเป็น 16% จากทั้งหมด
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้มีการปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2561และปี 2562 เพิ่มขึ้นในอัตรา 4%/7% ตามลำดับ สะท้อนอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่จะออกมาสูงกว่าที่คาดไว้เดิม ยังผลให้คาดการณ์กำไรหลักปีนี้เพิ่มได้ 18% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีแรงสนับสนุนมาจากการขยายจำนวนห้องโรงแรมและอัตราค่าห้องพัก สำหรับในงวดไตรมาส4/2560 ได้มีการเพิ่มจำนวนโรงแรม Hop Inn อีก 4 แห่ง ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมีจำนวนโรงแรมทั้งสิ้น 52 แห่งด้วยจำนวน 7,328 ห้อง ซึ่งคาดว่าได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มที่จากมาตรการลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดคนละ 15,000 บาท ดังนั้นคงคำแนะนำ ซื้อพร้อมปรับราคาพื้นฐานใหม่ขึ้นเป็น 10.50 บาท
หน้าแรก บทวิเคราะห์