สำหรับนักลงทุนที่เก็บหุ้นกลุ่มหลักๆ มาตั้งแต่ปลายปีก่อน ตามที่เราแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มสื่อ, กลุ่มนิคมฯ, กลุ่มรับเหมาฯ ซึ่งปรับขึ้นแรงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีตามคาด คาดเป็นผลจากเม็ดเงินกองทุนที่มุ่งเน้นเก็บหุ้นหลักตัวใหญ่เพื่อเกาะผลตอบแทนกับดัชนีฯ ซึ่งล่าสุด SET index สัปดาห์แรกของปีปิดที่ระดับ 1,795 จุด ส่งผลให้ PE 2561 = 16.3 เท่า และ Earnings yield gap เทียบพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ลดลงเหลือ 4.3% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 4% ทำให้ Upside ดัชนีเริ่มจำกัดในระยะสั้น ดังนั้นเราประเมินมีโอกาสที่นักลงทุนสถาบันจะเริ่มมุ่งเน้นมาที่หุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็กที่แนวโน้มผลการดำเนินงานสดใส + ราคาไม่แพง เพื่อมุ่งเน้นการเอาชนะตลาดฯ หลังจากที่เก็บหุ้นตามดัชนีแล้ว ประเมิน SET index จะเริ่มชะลอความร้อนแรงลง โดยประเมินแนวรับ 1,780 จุด และ 1,760 จุด ตามลำดับ / กรณีผ่านแนวต้านจิตวิทยา 1,800 จุดได้ประเมินแนวต้านถัดไป 1,815 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้
- แนะนำ “Let profit run” หุ้นหลักอย่าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (KBANK, BBL) และ กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA) สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้น 2 กลุ่มนี้ที่เราแนะนำให้สะสมตั้งแต่ปลายปี 2560 เราแนะนำ “Let profit run” โดยประเมิน ร่างกฏหมายโครงการ EEC จะผ่าน และมีผลบังคับใช้ใน 1H61 ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมฯ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดจะได้ Sentiment บวกจากเศรษฐกิจไทยที่เติบโตในปีนี้ + แนวโน้มดอกเบี้ยที่จะเริ่มเป็นขาขึ้นใน 2H61
- แนะนำ “สะสม” หุ้นไม้สอง + Small Cap ที่มีธีมการลงทุนเด่น
- ธีม การบริโภคในประเทศ (COM7) เราประเมินการบริโภคในประเทศยังเดินหน้าเติบโตต่อเนื่อง ในปีนี้ จาก i) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้น ii) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ครั้งแรกในรอบ 3 ปี iii) ภาวะเงินเฟ้ออ่อนๆ ระดับ +1% ในปีนี้ สนับสนุนการบริโภคในประเทศ และสำหรับหุ้นเด่นที่เราเลือกอย่าง COM7 มีธีมการลงทุนเฉพาะตัวเรื่อง ดีมานด์สินค้า อุปกรณ์ไอทีที่ขยายตัวตามเทรนด์ใหญ่ของโลก รวมทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐฯ อาทิ โครงการ เนตประชารัฐฯ, โครงการสมาร์ทซิตี้ ฯลฯ
- ธีม Laggard (กลุ่มรับเหมาฯ อาทิ STEC, CK, UNIQ) เราประเมินหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ จะเริ่มฟื้นตัวเด่น หลังร่างกฏหมายโครงการ EEC ผ่าน เนื่องจากคาดจะมีการเปิดประมูลโครงการภาครัฐฯ และการลงทุนเอกชนตามมาใน 2H61 ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ Laggard ตลาดฯในช่วงปีที่ผ่านมา คาดจะทำให้กลับเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนอีกครั้ง
- ธีม Turnaround, M&A (SPPT, SIMAT) จากการ Company visit SPPT และ SIMAT เราประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของทั้ง 2 บริษัทจะ Turnaround ในปีนี้ โดย i) SPPT เริ่มการขายสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนต่ำ และขาดทุน ออกไป ขณะเดียวกันเริ่มการซื้อกิจการที่มีกำไรเข้ามา (ซื้อหุ้น TERA ทำธุรกิจรับเหมาระบบไอที) และคาดจะทยอยซื้อกิจการอื่นๆ เร็วๆนี้เนื่องจากเงินสดที่มีเหลือ และไม่มีหนี้ระยะยาวเลยในงบการเงิน ii) SIMAT คาดผลการดำเนินงานธุรกิจอินเตอร์เนตเริ่มมีจำนวนผู้ใช้บริการถึงจุด Break-even แล้ว ใน 4Q60 (EBITDA เป็นบวกแล้ว) ไม่เป็นตัวถ่วงธุรกิจอื่นๆที่มีผลการดำเนินงานดีอยู่แล้ว อย่างธุรกิจ Label และธุรกิจ Software logistic เป็นต้น
- แนะนำ “ขายทำกำไร” หุ้นโรงกลั่น (ESSO, TOP, SPRC) เราประเมินผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะถึงจุดสูงสุดของวัฏจักรรอบนี้ที่ 4Q60 (ค่าการกลั่นดี + กำไรสต๊อกน้ำมัน) โดยเราประเมินว่าผลการดำเนินงานกลุ่มโรงกลั่นจะเริ่มชะลอตัวลงใน 1Q61 เป็นต้น จากค่าการกลั่นที่เริ่มชะลอ + ราคาน้ำมันที่ Upside เริ่มจำกัด
สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
ผู้จัดการฝ่าย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)