มิติหุ้น – GULF มีดีสตอรี่บวก หนุนอนาคตโลดแล่นยาว กูรูชี้สัญญาณซื้อดีดตัวสูง แถมพื้นฐานแกร่ง ดึงแรงซื้อกลับดันราคาหุ้นพุ่ง ย้ำระยะยาวทิศทางกำไรโดดเด่นนำกลุ่ม ประเมินปี 60 ฟันกำไร 2.2 พันล้านบาท ส่วนปีนี้ขยับ 2.5 พันล้านบาท เชียร์ “ซื้อ” บัวหลวงเคาะเป้า 80 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ราคาหุ้น GULF ปรับตัวขึ้นกว่า 10% ในช่วง 2-3 วันติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา จนในวันศุกร์ (12 ม.ค.2561) GULF ปิดที่ระดับ 76.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง +9.29% เนื่องจากนักลงทุนพิจารณาว่ายังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและน่าลงทุน ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนาแน่นอีกครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับสัญญาณด้านเทคนิคที่เส้นกราฟราคาหุ้นแสดงสัญญาณของการดีดตัวสูง ทำให้มองว่าราคาหุ้นยังไปต่อได้อีก
นอกจากนี้แล้ว GULF ยังมีสตอรี่การเติบโตได้ในระยะยาว จากที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการขนาดใหญ่ (IPP) กว่า 5,000 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยก่อสร้างในปีหน้า และทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ไปจนถึงปี 2566-2567 ส่งผลให้ GULF มีโรงไฟฟ้าที่ COD เข้าระบบกว่า 6,895 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน COD อยู่ราว 1,895 เมกะวัตต์ ซึ่งสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา GULF ได้ COD ของโครงการโรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติระบบโคเจนเนอรเรชั่น (GTS3) กำลังผลิตติดตั้งที่ 129.9 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้งอยู่ที่ 25.0 ตันต่อชั่วโมง โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. 90 เมกะวัตต์เป็นระยะเวลา 25 ปี จากปัจจัยดังกล่าวฝ่ายวิจัย ประเมินกำไรสุทธิในปี 2560 ที่ 2,285 ล้านบาท ปี 2561 กำไรสุทธิ 2,594 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องในปี 2562 ที่ 3,880 ล้านบาท
สอดคล้องกับ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ที่มองว่าราคาหุ้น GULF ยังวิ่งขึ้นต่อได้อีก เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตและภาพกำไรโดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยคาดกำไรบริษัทจะขยายตัวมากถึง 600% ระหว่างปี 2561-2568 อีกทั้งมูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันชี้ถึง PEG ที่ต่ำที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ฝ่ายวิจัยติดตาม จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่80 บาท
www.mitihoon.com
