PSTC ยัน ผถห.PP ยังอยู่ครบ 2 พันล้านหุ้น ระบุเหตุหุ้นร่วงเกิดจากรายย่อยรับข่าวลือผิด

687

มิติหุ้น – PSTC ตรวจสอบแล้ว ยันผู้ถือหุ้น PP ทั้งหมด 2 พันล้านหุ้น ไม่มีใครขายออก ระบุเหตุหุ้นร่วงติดฟอร์เกิดจากรายย่อยรับกระแสข่าวลือผิด เผยอยู่ระหว่างเจรจาขาย PP เพิ่มอีก 650 ล้านหุ้น แย้มมีสถาบัน ตปท.รับเหมาหมดทั้งก้อน  ลั่นรายได้ปีนี้โตเท่าตัว ส่วนกำไรสุทธิมีแววนิวไฮ ซุ่มเจรจาพันธมิตรร่วมทำดีลเทกฯ โรงไฟฟ้า กำลังการผลิต 50-100 MW  จ่อปากกาเซ็น MOU ภายใน Q1/61

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC โดยนายพระนาย กังวาลรัตน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงกรณาคาหุ้นในช่วงเช้าถูกเทขายจนร่วงติด Floor ว่า ทางบริษัทได้มีการตรวจสอบ จากกรณีที่ราคาหุ้น ปรับตัวลดลงแล้ว พบว่า ผู้ถือครองหุ้น PP ทั้งหมด 2,000 ล้านหุ้น ไม่มีใครขายออกแต่อย่างใด แม้ว่าจะไม่ติด Silent period ก็ตาม และบริษัทได้มีการเจรจาระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ทุกคนแล้วว่า จะร่วมกันดำเนินธุรกิจให้มีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และต้องมีการถือหุ้นไว้อย่างน้อยเป็นเวลา 1 ปี

**ขาใหญ่กอด PP จำนวน 2,000 ล้านหุ้น “แน่น”

ทั้งนี้ จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง มองว่าเกิดจากนักลงทุนรายย่อยรับกระแสข่าวลือผิดๆ มา ซึ่งทางบริษัทขอปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งได้แก่ 1. การขายหุ้นออกมาของกลุ่มผู้ถือหุ้น PP ในจำนวน 2,000 ล้านหุ้น โดยตรวจสอบแล้วไม่ได้มีใครขายออกมา 2. มีกระแสข่าวลือออกมาว่า ทางบริษัทจะออกหุ้นเพิ่มทุน จึงทำให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขาย เนื่องด้วยไม่ต้องการให้บริษัทเพิ่มทุน โดยความจริงคือ ทางบริษัทไม่ได้มีแผนจะเพิ่มทุนแต่อย่างใด  ซึ่งเงินสดในมือในขณะนี้ถือว่าเพียงพอในการลงทุนระยะยาว อีกทั้งยังมีหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.7-0.8 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมออกหุ้นPP อีกจำนวน 650 ล้านหุ้น ซึ่งเป็น PP ล็อตสุดท้ายจากที่ขอไว้ 2,650 ล้านหุ้น โดยในขณะนี้ได้เจรจาระหว่างสถาบันต่างประเทศรายหนึ่ง ซึ่งมีความสนใจเป็นอย่างมาก และจะรับหุ้น PP ทั้งหมด 650 ล้านหุ้น

ภายหลังจากการได้รับเงินจากการขายหุ้นPP แล้ว บริษัทหวังนำเงินมาชำระเงินกู้ต่อสถาบันการเงิน เพื่อลดหนี้สินต่อทุน(D/E) ให้เหลือเพียง 0.4 เท่า ภายในระยะเวลา 3 เดือนจากนี้  เพื่อรองรับแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าต่อไปในอนาคต ที่จำเป็นต้องทำการกู้สถาบันการเงินในจำนวนมาก

**มั่นใจรายได้ปีจอ “โตเท่าตัว”

พร้อมกันนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 2561 จำสามารถเติบโตได้เท่าตัวจากปีก่อนที่มีรายได้ 622.11 ล้านบาท  ขณะเดียวกัน ยังคาดหวังว่ากำไรสุทธิมีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา  เนื่องด้วยธุรกิจออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อม สามารถสร้างการเติบโตได้เฉลี่ยปีละ 20-30% ในทุกปี ซึ่งปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้อยู่ประมาณ 30% ต่อมาเป็นธุรกิจ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน  ซึ่งสิ้นปี2560 มีกำลังการผลิตที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) อยู่ทั้งสิ้น 30 เมกะวัตต์ และภายในไตรมาส1/2561นี้ จะมีกำลังการผลิตที่CODเพิ่มขึ้นอีก 7.6เมกวัตต์ และภายหลังจากนั้นจะเริ่มมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากใบอนุญาตขายไฟ (PPA) ในมือประมาณ 70 เมกะวัตต์

ส่วนธุรกิจต่อมาได้แก่พลังงานหลัก ที่มีการลงทุนผ่านบริษัทลูก อย่างบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด  จากก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าลงทุนใน บริษัท เจเอ็น เอ็นเนอร์จี คอร์ปอเรชนั่ จำกัด  ที่ประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว และก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) โดยปัจจุบันมีสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) 2 แห่ง

**รุกเทกโอเวอร์โรงไฟฟ้า 50-100MW

.               นายพระนาย กล่าวต่อว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาระหว่างพันธมิตร เพื่อหวังร่วมกันเข้าซื้อกิจการ ประเภทโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50-100 เมกะวัตต์ เบื้องต้นจะเซ็นสัญญาMOU ในช่วงไตรมาส 1/2561 นี้  ส่วนงบลงทุนจะนำมาจากการกู้สถาบันการเงิน เนื่องด้วยในขณะนั้น D/Eของบริษัทอยู่เพียง 0.3เท่าแล้ว จึงยังสามารถกู้ได้อีกมาก และมาจากเงินสดในมือบางส่วน

www.mitihoon.com