บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินบมจ. ราชธานีลิสซิ่ง หรือ THANI ภายหลังจากรายงานกำไรไตรมาส4/2560 อยู่ที่ 320 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 6 %จากไตรมาสก่อนหน้า และ +35 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ใกล้เคียงกับที่เราคาดการไว้ เนื่อจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 7.7 % ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของสินเชื่อทำให้รายได้จากการเช่าซื้อดีขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยต่ำลง เนื่องจากมีหุ้นกู้ที่ Refinance ในอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และเกิดจากการตั้งสำรองที่ลดลง 3.8 % จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นการลดค่าใช้จ่ายสำรองทั่วไป ส่วนกำไรที่ดีขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 24 % เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยนและมีดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง 19 % ส่วนกำไรปี 2560 อยู่ที่ 1,126 ล้านบาท +27.8 % ดีตามคาดโดยเกิดจากรายได้ที่สูงขึ้น ส่วนค่าใช้จ่าย สำรองหนี้สูญทั้งปีเพิ่มขึ้นราว 5 % จึงคงประมาณการกำไรปี 2561 ที่ 1.34 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักๆเกิดจากการตั้งสำรองที่ลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะ General Provision ที่ใกล้เคียงกับ มาตรฐานบัญชีใหม่แล้ว ส่วนรายได้หลักคาดว่าจะขยายตัวราว 7.4 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนคงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 8.4 บาท (PER 15 เท่า) ราคาล่าสุดซื้อขายที่ Fwd PER 18.5 เท่า สูงกว่า Hist ทั้งที่ ROE ยังไม่ New High หรือซื้อขายบนกำไรปี 2018 ที่ราว 1.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ยากในปี 2018 เราจึงปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ขาย”
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเชียเวลท์ คาดสินเชื่อ THANI เติบโตแข็งแกร่งขึ้นอีกในปีนี้เราคาดสินเชื่อของ THANI จะเร่งตัวเติบโต 20% YoY ในปี 2561 หนุนโดยพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 70% ของพอร์ตทั้งหมด การเติบโตดังกล่าวคาดได้ปัจจัยบวกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐและการลงทุนภาคเอกชนที่ดีขึ้น รวมถึงปัจจัยบวกอื่นๆ จากภาคส่งออกและการค้าชายแดนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เราคาดสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อเฉลี่ย (Credit cost) ที่ลดลงจะเป็นอีกปัจจัยบวกหนึ่งต่อกำไรสุทธิของ THANI อีกด้วย หนุนโดยการเร่งตั้งสำรองในปีก่อนหน้ าเราคาด Credit cost ปี 2561 จะอยู่ที่ 130bps ลดลงจาก 140bps ในปี 2560 โดยรวมแล้ว เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2561 ของบริษัทจะเติบโต 23.2% YoY อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท คงคำแนะนำ “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 10.20 บาท คำนวณจากPER ที่เหมาะสมที่ 18 เท่า และประมาณการ EPS ปี 2561 ที่ 0.57 บาท และอาจมีการปรับประมาณการในภายหลังหลังจากงานประชุมนักวิเคราะห์
ขณะที่ราคาล่าสุด(15.13 น.)อ่ยู่ที่ 10.40 บาท/หุ้นบวก0.10 บาท หรือ +0.97 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125.44 ลบ.