“AQUA” ยืนยัน “กำพล วิระเทพสุภรณ์” เป็นเพียงผู้ถือหุ้นไม่มีอำนาจบริหาร

569

มิติหุ้น- บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น หรือ AQUA ขอชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัทฯ คือ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งได้ถูกกล่าวหาในคดีค้ามนุษย์ และมีการเชื่อมโยงมาเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม  ดังต่อไปนี้

1.ตามภาพรวมของข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2560 บริษัทฯมีผู้ถือหุ้นจำนวนทั้งสิ้นรวม 5,922 คน โดยมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 5,851 คน และมีเปอร์เซนต์การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free Float) อยู่ที่ ร้อยละ 51 โดยนายกำพลถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 12.88 และที่ผ่านมานายกำพลเป็นเพียงผู้ถือหุ้นที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในบริษัทฯ ผ่านการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งไม่มีอำนาจบริหาร และไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายการบริหารงานของบริษัทฯ แต่อย่างใด โดยผู้บริหารในระดับสูงของบริษัทฯและบริษัทในเครือโดยส่วนใหญ่ ต่างทำงานกับบริษัทมาเป็นเวลานาน และมีการเจริญเติบโตในหน้าที่การงานมาตามลำดับ

ที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีความพยายามที่จะสร้างผลประกอบการที่ดีให้แก่บริษัทฯผ่านการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีการเจริญเติบโตและขยายกิจการมาตลอด โดยบริษัทฯเริ่มมีผลกำไรจากการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2554 จำนวน 17.209 ล้านบาท ในขณะที่มีมูลค่าสินทรัพย์พียง 955.876 ล้านบาท จนมาถึงในไตรมาส 3 ของปี 2560 บริษัทฯมีกำไรรวม 3 ไตรมาส 230.899 ล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์สูงขึ้นเป็น 6,547.541 ล้านบาท หรือมากกว่า 6 เท่าตัว รวมผลกำไรสะสมในช่วงที่ผ่านมาสูงถึง 1,472.731 ล้านบาท ดังแสดงให้เห็นจากตารางสรุป ดังนี้

1. ปัจจุบัน โครงสร้างการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ได้มีการลงทุนผ่านบริษัทร่วมและบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ดังนี้เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2560 บริษัทฯได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “BBB-“ ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต ได้กำหนดที่ระดับ “Stable” หรือ “คงที่”

2.บริษัทฯขอยืนยันว่า บริษัทฯไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของนายกำพล ในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมทางการเงิน รายรับ รายจ่ายระหว่างกัน กับกิจการของนายกำพล หรือการลงทุนใดๆร่วมกับนายกำพล แต่อย่างใด

3.ในกรณีของการสนับสนุนทีมฟุตบอลสิงห์เชียงรายยูไนเต็ดนั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำการตลาดผ่านการกีฬา (Sport Marketing) เป็นวิธีการทางการตลาดที่เป็นที่ยอมรับและสามารถเล็งเห็นผลทางการตลาดได้อย่างชัดเจน ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทชั้นนำในประเทศไทยหลายแห่ง ก็ได้ใช้กลยุทธนี้ในการทำประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของกิจการ มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังของแต่ละบริษัท เช่น ปตท. ซีพี ปูนซีเมต์ไทย กลุ่มสิงห์ กลุ่มช้าง กลุ่มเซ็นทรัล ต่างก็ให้การสนับสนุนต่อทีมฟุตบอลทั้งในระดับลีกบน (พรีเมียร์ลีก) และลีกล่าง ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน  ซึ่งบริษัทที่อยู่ในธุรกิจเดียวกับบริษัทฯ เช่น บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ก็ให้การสนับสนุนทั้งสมาคมฟุตบอล และทีมฟุตบอลในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกเช่นกัน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากเอเยนซี่ของทีมสิงห์เชียงรายยูไนเต็ด ให้เข้ามาสนับสนุน ซึ่งได้มีการพิจารณากันอย่างรอบคอบถึงผลที่จะได้รับจากการเป็นผู้สนับสนุนรองของทีมฯ โดยบริษัทฯถือเป็นหนึ่งในแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ สามารถโฆษณาภาพลักษณ์ของบริษัทฯ เคียงคู่ไปกับผู้สนับสนุนหลักรายอื่น เช่น บางกอกแอร์เวย์, สิงห์, AIA, สี TOA และ แอร์ Carrier เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯก็มีป้ายโฆษณาอยู่ในจังหวัดเชียงราย และการถ่ายทอดสดการแข่งขันก็จะสามารถประชาสัมพันธ์โลโก้ของบริษัทฯไปได้ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ ในระยะต่อไปบริษัทฯก็ได้วางแผนที่จะมีการลงทุนป้ายรอบสนาม และป้ายโฆษณา LED ในสนามฟุตบอล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าของบริษัทฯ อีกด้วย โดยมีวงเงินสนับสนุนในปี 2560 อยู่ที่ 10 ล้านบาท แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ส่วนในฤดูกาลต่อไป กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

4.กรณีที่มีผู้กล่าวหาว่า บริษัทฯมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ”วิคตอเรีย ซีเคร็ต” หรือจงใจบิดเบือน เพื่อให้คนรับข่าวสารเข้าใจว่า บริษัทฯ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินนั้น บริษัทฯขอชี้แจงว่ารายได้ทุกบาททุกสตางค์ของบริษัทฯสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้อย่างชัดเจนในธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ธุรกิจโรงพิมพ์ และธุรกิจผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 450 เมกกะวัตต์ โดยมีรายได้รวมในงวด 9 เดือนมากกว่า 700 ล้านบาท มีการบันทึกบัญชีและถูกตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีที่ถูกรับรองโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คือบริษัท สำนักงานปีติเสวี จำกัด เป็นประจำทุก 3 เดือน และมีการเสียภาษีต่างๆอย่างถูกต้องครบถ้วน

ดังนั้น การให้ข่าวใดๆที่ถือเป็นการให้ร้าย กล่าวหา หรือทำให้บริษัทฯถูกเข้าใจผิด ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งในส่วนตัวบุคคลและตัวบริษัทฯ บริษัทฯจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำเนินรายการ ผู้เขียน ผู้นำเสนอหรือนำเข้าบทความเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตลอดจนสื่อต่างๆที่มานำเสนอไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ  ทั้งทางแพ่งและอาญา จนถึงที่สุดต่อไป

www.mitihoon.com