อันดับที่ 1 FTE ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โตไม่ต่ำกว่า 20% อวดแบ็กล็อก 380 ลบ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง หรือ FTE โดยนายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 อยู่ที่ 1,150 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานของบริษัทจะเน้นการดำเนินงานใน 3 ส่วน ประกอบด้วย การขยายฐานลูกค้างานรับเหมาออกแบบติดตั้งระบบฯมากขึ้น, เข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง การขยายพื้นที่ให้บริการในประเทศ เปิดสาขาใน จ.ระยอง เพื่อให้บริการลูกค้าทั้งในส่วนของงานรับเหมาและจำหน่ายอุปกรณ์ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงมีนาคม 2561 และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/61 และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานขาย สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 380 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 120 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 260 ล้านบาท อาทิ โครงการปรับปรุงระบบดับเพลิงสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. และมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลพิจารณางานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 18 โครงการ มูลค่าประมาณ 370 ล้านบาท คาดว่าบริษัทจะได้รับงานอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท
อันดับที่ 2 SEAOIL กวาดสายตาหาซื้อธุรกิจพลังงานให้ผลตอบแทนดี หวังหนุนกิจการลดขาดทุน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ซีออยล์ หรือ SEAOIL โดยนายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ เปิดเผยว่า บริษัทได้มองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยจะลงทุนทั้งในรูปแบบการซื้อกิจการ และลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ รวมถึงมองหาการลงทุนธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและให้ผลตอบแทนการเติบได้ในระยะยาวและยั่งยืน เพื่อเป็นปัจจัยหนุนสร้างการเติบโตให้กับบริษัท จากปัจจุบันที่ยังขาดทุน โดยปัจจุบันมีโซลาร์ฟาร์มอยู่ 6-7 เมกะวัตต์ที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว ขณะเดียวกัน จากระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าจะไม่เกิน 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการของบริษัทดีขึ้น
อันดับที่ 3 KKP รุกปี 2561 อัพพอร์ตสินเชื่อโต 10%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ธนาคารกียรตินาคิน หรือ KKP วางกลยุทธ์ธุรกิจปี 2561 ขยายฐานลูกค้าเชิงรุก เพื่อขยายฐานบัญชีสินเชื่อและเงินฝาก โดยนายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมปี 2561 เติบโต 10% และควบคุม NPL ไว้ที่ 4.5% พร้อมเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสาขา โดยในอนาคตมีแผนยกระดับสาขาของธนาคารให้เป็น Financial Hub เพื่อให้เป็นสถานที่ในการให้คำปรึกษาการลงทุนแก่ลูกค้า นอกจากนี้ ธนาคารยังเดินหน้าธุรกิจ Private Bank อย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มีสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำ หรือ AUA ประมาณ 4.47 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารจะมีการพัฒนาธุรกิจ Private Bank ให้มีมาตรฐานบริการเทียบเท่าต่างประเทศ รวมทั้งจะมีการดูแลสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะ Fixed Income และ Structure Products รวมถึงการขยายความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์ในต่างประเทศ ทั้งในส่วนของ Mutual Fund และ Private Fund
อันดับที่ 4 TPIPL คาดยอดขายปูนซีเมนต์โต 10% ตามภาวะศก.ฟื้น รัฐลุยลงทุน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ทิศทางราคาปูนซีเมนต์ในช่วงไตรมาส 4/60 ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงไตรมาส 3 ตามทิศทางภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์มีเพิ่มขึ้น คาดว่าราคาปูนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ โดยจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อผลประกอบการที่ดีขึ้น ทั้งนี้ จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ คาดว่าจะส่งผลต่อยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ของ TPIPL ในปี 61 คาดว่าจะเติบโต 10% นอกจากนี้ ในปี 2661 ยังได้รับปัจจัยหนุนการเติบโตจาก บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TPIPL ถือหุ้นในสัดส่วน 70% คาดว่าในปี 2561 มีผลกำไรจะเติบโต 50% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท ดังนั้น ปีนี้มั่นใจว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไร ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นที่ 2.14 บาทเพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.94% อาจจะเป็นเพราะกองทุนเข้ามาซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นยังต่ำอยู่
อันดับที่ 5 CHO ขาย PPมูลค่ากว่า 3.6 พันลบ.
บมจ.ช ทวี หรือ CHO จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 2 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.8121 บาท รวมมูลค่า 3,624.2 ล้านบาท ให้แก่ Macquarie Bank Limited ซึ่งบริษัทได้รับชำระค่าจองซื้อหุ้นดังกล่าวแล้ว ส่วนจุดประสงค์ในการใช้เงินเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในกิจการและรองรับการขยายธุรกิจหลักของบริษัท รวมถึงเพื่อนำไปใช้เพื่อการดำเนินงานโครงการที่บริษัทชนะการประมูลและอยู่ระหว่างการประมูลดังนี้1.โครงการ E-Ticket กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 2,600 คัน ภายในเดือนมิ.ย. 2561 คาดว่าจะใช้เงินทุนประมาณ 500 ล้านบาท 2.โครงการศูนย์ซ่อมรถสิบล้อ 24 ชั่วโมงซึ่งบริษัทฯวางแผนจะเปิดศูนย์ซ่อมให้ครบ 8 ศูนย์ ภายในปี 2564 (ปี 2560 เปิดทําการแล้ว 1 ศูนย์) คาดว่าจะใช้เงินทุนในเบื่องต้นประมาณ 100 ล้านบาทและ3.เงินลงทุนสําหรับโครงการขอนแก่น Smart City ระยะที่ 1 กับ บริษัทขอนแก่นทรานซิทซิสเต็ม จํากัด