อันดับที่ 1 ASAP สัญญาเช่ารถระยะยาวยังโตต่อเนื่อง โบรกฯ เคาะเป้า12.50 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ หรือ ASAP ราคาหุ้นภาคเช้าปรับตัวขึ้นสูงสุด 9.65 บาท ล่าสุด (11.30 น.) ราคาอยู่ที่ 9.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ +6.04% นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ประเมินผลประกอบการ ASAP ตามสะท้อนคาดการณ์จำนวนรถยนต์ให้เช่า โดยปรับประมาณการผลประกอบการปี 2560 ลง 9% จากสัญญาการเช่ารถระยะยาวลดลง 6% และสัญญาการเช่ารถระยะสั้นลง 20% จากคาดการณ์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปรับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 22% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 21% เนื่องจากอัตราการเช่ารถระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรับประมาณการรายได้ปี 2561 คาดเพิ่มขึ้น 5% และปี 2562 คาดเพิ่มขึ้น 14% จากการปรับสมมติฐานรถยนต์ให้เช่าเป็น 3,000 คันต่อปี เทียบกับ 2,000 คันในปีที่แล้ว โดยมีอัตราการเติบโตของรถยนต์เช่าเฉลี่ย 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และยอดขายรถยนต์มือสองเติบโต 10 % แนะนำให้ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมใหม่อยู่ที่ 12.50 บาท
อันดับที่ 2 UV วิ่งบวกเกือบ 5% โหรหุ้น ทำนายปีจอ ผลงานโตโดดเด่น แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 10.94บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหว ของ บมจ. ยูนิเวนเจอร์ หรือ UV ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น โดยปิดตลาดภาคเช้าราคาUV อยู่ที่ 9.85บาท เพิ่มขึ้น 0.45บาท หรือ 4.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 442 ล้านบาท ด้าน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส เผยว่า Grand Unity Development Co.,Ltd. บริษัทย่อยของ UV พร้อมเดินหน้าธุรกิจในปี 2561 รุกขยายกลุ่มเป้าหมายในเมืองด้วยทำเลใหม่ติดรถไฟฟ้า พร้อมการปรับแบรนดิ้งใหม่ให้ชัดเจนเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Simply Makes Sense. เดินหน้าเปิดตัวสี่โครงการคอนโดใหม่ คือ Ciela ศรีปทุม, De Lapis จรัญ 81, Denim จตุจักร ใกล้ BTS หมอชิต, Mazarine รัชโยธิน แปลงตรงข้ามเมเจอร์มูลค่ารวม 11 พันล้านบาท โดยในปี 2561 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตประมาณ 160% จากปีที่ผ่านมา ดังนั้นแนะนำ ซื้อ จากการสำรวจหุ้น UV โดยกำหนดราคาพื้นฐานด้วย P/E เฉลี่ยในอดีตที่ 16.0 เท่า ได้ที่ 10.94 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 16%
อันดับที่ 3 FSS หวังขึ้นแท่นโบรกเกอร์ออนไลน์อันดับ1 คาดมาร์เก็ตแชร์เพิ่มไม่ต่ำกว่า 10%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ฟินันเซีย ไซรัส หรือ FSS โดยนายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านโบรกเกอร์เทรดหุ้นออนไลน์ โดยกำหนดแถลงแผนธุรกิจและเป้าหมายของบริษัทในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้มีลูกค้าเทรดหุ้นผ่านออนไลน์ในปีนี้เพิ่มขึ้นได้ตามแผนไม่ต่ำกว่า 10% ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายรักษาค่าคอมมิชชั่น ให้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยตลาด ซึ่งปีที่แล้วมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.11% นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาลดจำนวนสาขาลง จากปัจจุบันมี 34 สาขา โดยในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา ได้ปรับลดจำนวนสาขาไปแล้ว 3-4 สาขา “เราเน้นขยายฐานลูกค้าออนไลน์ ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ราว 6-7% อยู่ในอันดับ 2 โดยพยายามเพิ่มบริการที่ให้ลูกค้าเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง”นายช่วงชัยกล่าว
อันดับที่ 4 TOP ซดกำไรสต็อกน้ำมัน 2.4 พันลบ. หนุนผลประกอบการ Q4 โต 26%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ประเมินผลประกอบการ บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ในช่วงไตรมาส4/2560 คาดว่า มีกำไรสุทธิ 7,321 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมทั้งปี 2560 ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 25,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เทียบกับปี2559 ที่มีกำไรสุทธิ 21,221 ล้านบาท เนื่องจากว่าในช่วงไตรมาส4/2560 นั้นมีกำไรสต็อกน้ำมันสูงกว่า 2,400 ล้านบาทจากราคาน้ำมันเฉลี่ยในระดับ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนค่าการกลั่นอยู่ที่ 7.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส3/2560 ที่ 8.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะเดียวกันภาพรวมในปี 2560 TOP จะรับรู้รายได้จากโครงการผลิตสาร Linear Alkyl Benzene (LAB) และโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) 2 โรงได้เต็มปีอีกด้วย ทั้งนี้จากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงนั้นจะหนุนผลประกอบการในช่วงไตรมาส1/2561 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่ายังคงได้กำไรจากสต็อกน้ำมัน
อันดับที่ 5 PTT ราคานิวไฮ 500 บ. กูรูคาด Q4 กำไรโต 35% ลุ้นทั้งปีแตะ 1.3 แสนลบ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า เปิดเผยว่า บมจ. ปตท.หรือ PTT จะได้รับปัจจัยหนุนจากบริษัทย่อย ไม่ว่าจะเป็น PTTGC, PTTEP, IRPC, TOP, GPSC และ GGC ที่คาดว่าจะทำกำไรออกมาดีทั้งหมดโดยในไตรมาส 4/2560 คาด PTT มีกำไรสุทธิ 32,000 ล้านบาท เติบโต 35% เทียบกับไตรมาส 3/2560 ที่มีกำไรสุทธิ 22,331 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมทั้งปีคาดมีกำไรสุทธิ 1.3 แสนล้านบาท ขณะที่ในปี 2561 คาดว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปัจจัยราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นทำสถิติสูงสุดที่ 500 บาท และถือว่าเป็นสูงสุดนับตั้งแต่เช้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2544