มิติหุ้น – บลจ.กรุงไทย เร่งเครื่องขยายการเติบโต มุ่งพิชิตเป้าหมายปีนี้ กวาด AUM ถึงระดับ 8.38 แสนล้านบาท โตเพิ่มจากปีก่อน 18% เตรียมเปิดตัวกองทุนใหม่ เน้น Asset Allocation เสิร์ฟผู้ลงทุนครบทุกระดับความเสี่ยง ภายใต้ชื่อกองทุน มั่ง-มี-ศรี-สุข
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ณ วันที่ 29 ธ.ค.2560 อยู่ที่ 714,247 ล้านบาท ลดลง 4.7% หรือประมาณ 35,121 ล้านบาท จากปี 2559 เนื่องจากการยกเลิกโครงการ 3 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ กองทุน TRIF TCIF และ THIF แต่กำไรของบริษัทสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับ 4 ของอุตสาหกรรม โดยในปี 2560 กองทุนรวมมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 61,000 ล้านบาทหรือ 14% จากการเติบโตของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนรวมต่างประเทศ
ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 ล้านบาท หรือ 32% จากการบริหารกองทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ณ 29 ธันวาคม 2560 ประกอบด้วย กองทุนรวม 498,192 ล้านบาท กองทุนสารองเลี้ยงชีพ 86,107 ล้านบาท กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 83,915 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 46,033 ล้านบาท
สำหรับในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 838,000 ล้านบาท หรือประมาณ 18% โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่าย 7 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนที่การจัดสรรน้ำหนักการลงทุน (Asset Allocation) จำนวน 4 กองทุน ภายใต้ชื่อกองทุน มั่งคั่ง มีทรัพย์ ศรีศิริ สุขใจ (มั่งมีศรีสุข) กองทุนต่างประเทศประเภท Unit Link จานวน 3 กองทุน ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดจาหน่ายกองทุนอื่นๆ เพิ่มเติมอีกมาก โดยบริษัทจะคำนึงถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน ขณะที่ในเดือนแรกของปีนี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม โกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์ (KT-GCINCOME) โดยสามารถจำหน่ายกองทุนได้ตามเป้าหมายเต็มมูลค่าโครงการที่กำหนดไว้ 5,000 บาท โดยใช้ระยะเวลาเพียง 3 วัน
ขณะเดียวกัน บริษัทจะเน้นเรื่องการให้นักลงทุนได้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนได้ง่ายและสะดวกขึ้น ผ่านช่องทาง Social media เช่น Mobile App ในการซื้อขายหน่วยลงทุน และ Website ใหม่ เป็นต้น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้รับการสนับสนุนที่ดีจากธนาคารกรุงไทย มีการทางานกันอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้กองทุนรวมมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีการพัฒนาระบบ ITร่วมกัน เพื่ออานวยความสะดวกให้กับนักลงทุนในการเข้าถึงข้อมูลมากยิ่งขึ้น
