หุ้นไทยทำนิวไฮเดือน ม.ค. 61 พบต่างชาติกระหน่ำขายกว่า 5.4 พันลบ.

147

มิติหุ้น – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือน ม.ค. 2561 ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2561 โดย ดร. ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท.เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index)สิ้นเดือน ม.ค. ปิดที่ 1,826.86 จุด เพิ่มขึ้น 4.2% จากสิ้นปี 2560  มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 18.7 ล้านล้านบาท  มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET และ mai ในเดือนมกราคม 2561 รวมอยู่ที่ 78,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้  SET Index ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายในปี 2518 โดยปิดที่ระดับ 1,838.96 จุด เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า SET Index ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจการเงิน ตามลำดับ

ด้าน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือน ม.ค.อยู่ที่ระดับ 16.6 เท่า ขณะที่ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 19.82 เท่า ซึ่งทั้ง Forward P/E และ Historical P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.26 เท่า และ 17.82 เท่า ตามลำดับ

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2561 อยู่ที่ระดับ 2.68% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 2.35%  ,มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนมกราคม 2561 อยู่ที่ 18.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากสิ้นปี 2560 โดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET และ mai ในเดือนมกราคม 2561 รวมอยู่ที่ 78,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 5,468 ล้านบาท ซึ่งสวนทางกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และสวนทางกับตลาดตราสารหนี้ของไทยที่ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิในเดือนมกราคม

ดร. ภากร เปิดเผยอีกว่า ในเดือนม.ค. 2561 SET index ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง และปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในเอเชียโดยปัจจัยภายนอกประเทศเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ เช่น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตจากการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 เสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจจีน การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเมืองระหว่างประเทศเป็นประเด็นที่ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญ

www.mitihoon.com