เป็นไปตามตลาดคาการณ์ครับ สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2561
ที่ประชุม มีมติ “เอกฉันท์” ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่อัตรา 1.50% ต่อปี
โดย นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ กนง. แถลงว่า ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง และชัดเจนมากขึ้น โดยได้รับแรงส่งจากภาคต่างประเทศ รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวม ยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย และเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีความเสี่ยงในบางจุดที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินในระยะต่อไป
“คณะกรรมการฯ เห็นว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบัน มีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ แม้อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้”
สำหรับภาวะ เศรษฐกิจไทยในภาพรวม มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและชัดเจนมากขึ้น จากการส่งออกสินค้า และบริการที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่เข้มแข็งมากขึ้น ขณะที่การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน ปรับดีขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นและยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่องโดยได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากโครงการภาครัฐ
อย่างไรก็ดี กำลังซื้อของครัวเรือนโดยรวม ปรับดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ในตลาดแรงงานและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ คณะกรรมการ กนง. ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความเสี่ยงที่ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด อาทิ ผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ และราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจากปีก่อน
สิ่งที่ต้องจับตาจากนี้ไป คือ “อัตราเงินเฟ้อ” ของไทย จะปรับตัวสูงขึ้นรวดเร็วแค่ไหน
“บิ๊กเซ็ต”