อันดับที่ 1 CPALL ไตรมาส 4/60 กำไรนิวไฮ โบรกฯ อัพเป้า 94 บ. แนะ “ซื้อ”
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CPALL โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น CPALL ช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 80.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25% คาดนักลงทุนเข้าเก็งกำไรช่วงตรุษจีน และผลประกอบการไตรมาส 4/2560 จะออกมาดี โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิที่ 5,133 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 3% เทียบไตรมาส 3/2560 ขณะที่ภาพรวมปี 2560 ประเมินกำไรสุทธิ 19,516 ล้านบาทส่วนปี 2561 เตรียมเม็ดเงินลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขยายสาขาเซเว่นอีเลเว่น 700 สาขา รวมถึงขยายสาขาแม็คโครเพิ่มเติม โดยประเมินว่าในปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 22,904 ล้านบาท ขณะที่ราคาเป้าหมายนั้นฝ่ายวิจัยได้ปรับเป้าเพิ่มเป็น 94 บาทต่อหุ้นจาก 75 บาท พร้อมกับคำแนะนำ “ซื้อ”
อันดับที่ 2 กูรูยกให้ “PTTEP”เด่นสุดในกลุ่มพลังงานเป้า 144 บาท/หุ้น
มิติหุ้น-ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่าง PTT PTTEP IVL PTTGC IRPC TOP SPRC จากการที่ราคาน้ำมันดิบไปปรับตัวสูงขึ้น 1.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +2.4 % มาปิดที่ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลง นอกจากนี้ยังพบว่า สต๊อก น้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ(EIA) เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่ตาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8 ลานบาร์เรล โดยในกลุ่ม oil &gas เราให้ PTTEP เป็น top pick โดยมีราคาเป้าหมาย 144 บาท ส่วนกลุ่มปิโตเคมีเราชอบ IVL และ IRPC โดยให้ราคาเป้าหมาย 80 บาท และ 9.60 บาทตามลำดับ ส่วนกลุ่มโรงกลั่นเป็นกลุ่มที่ชอบน้อยที่สุดจากการเติบโตของผลกำไรค่อนข้างจำกัดในปีนี้เนื่องจากค่าการกลุ่นมีฐานที่สูงในปีที่ผ่านมา ในกลุ่มนี้แนะ SPRC จากผลกำไรที่มีเสถียรภาพและอัตราเงินปันผลในระดับสูง โดยให้เป้ามายที่ 18.80 บาท/หุ้น ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTTEP ปิดภาคเช้าที่ 112.50 บาท บวก 2.50 บาท หรือ+2.27 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 790.81 ล้านบาท
อันดับที่ 3 BDMS วงในฟันธง ผลงานปีนี้สดใส แนะนำ “ซื้อ” เป้า 24.50 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 วันทำการ จากเมื่อวันที่ 9 ก.พ.61 ราคาปิดที่ 21.60บาท กระทั่งวันที่ 15 ก.พ.61 ราคาสูงสุดอยู่ที่ 22.50บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 4.16% บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า จากการประเมิน BDMS พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีเสียงตอบรับเชิงบวกต่ออุปสงค์การแพทย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 4/2560 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน พร้อมเชื่อว่าภายในปี2561 นี้ จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องด้วยจากฐานผลประกอบการที่ต่ำในปีก่อนและ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งฝนตกและอากาศเย็น รวมถึงโรค gastroenteritis pandemic ระบาดรุนแรง และเป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้น BDMS จึงกลับมามีรายได้เติบโตโดดเด่น นอกจากนี้ช่วงไตรมาส 1/2561 จำนวนผู้ปวยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายพื้นฐานอยู่ที่ 24.50บาท
อันดับที่ 4 INTUCH คาดรายได้ปี 61 โตกว่าปีก่อน เล็งบุ๊ครายได้ ADVANC หลังขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH โดยนางสาวทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 61 จะเติบโตกว่าปี 60 ที่มีรายได้อยู่ที่ 22,543.43 ล้านบาท จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ที่ถือหุ้น 40.45% โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 7-8% จากผู้ใช้บริการ 4G และขยายฐานลูกค้าใช้บริการเอไอเอสไฟเบอร์มากขึ้น ขณะเดียวกันในปีนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปของธุรกิจร่วมทุน (Venture Capital) เพิ่มอีก 2-3 แห่ง โดยบริษัทจะเน้น ธุรกิจด้านสื่อสาร โทรคมนาคม ดิจิทัลเทคโนโลยี โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดพร้อมลงทุนอยู่ 1,700 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะนำ บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด (WONGNAI) เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน แนะนำร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 62 ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือหุ้นอยู่ 10%
อันดับที่ 5 IVL ไตรมาส4/60 กำไรโตระเบิด 147% ทิศทางปิโตรเคมีฟื้นหนุนสเปรด PET พุ่ง 220 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขณะปี 61 คาดกำไร 2.1 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL โดยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี ประเมินหุ้น IVL ว่า ไตรมาส4/2560 จะมีกำไรสุทธิ 7.3 พันล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 147% เที่ยบกับช่วงเดียวของปีก่อน 108% เทียบกับไตรมาส3/2560 ที่มีกำไรสุทธิ 3.51 พันล้านบาท เนื่องจากว่าไตรมาส4/2560 ขณะเดียวกันช่วงปลายปีราคาปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัวตามทิศทางราคาน้ำมันโดยส่งผลให้สเปรด PET ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีเฉลี่ยที่ 210 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันจากครึ่งแรกเฉลี่ยในระดับ 150-180 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน อย่างไรก็ตามจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าภาพรวมทั้งปี 2560 จะมีกำไรสุทธิ 18,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12% เทียบกับปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 16,197 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มปี 2561 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 21,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% โดยคาดว่าสเปรด PET จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 220 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินราคาเป้าหมายที่ 63 บาทพร้อมแนะนำซื้อ