SET index สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้น 1.1% หรือ เกือบ 20 จุด ปิดที่ 1806 จุด แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จะปรับขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า i) ตลาดฯ เริ่มให้น้ำหนักเรื่องแนวโน้มการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนมากกว่า ii) ผลกระทบจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ไม่ได้กระทบต่อ ตลาดหุ้นไทย มากนัก ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ในสัปดาห์ก่อน ว่าหากวิเคราะห์ตามทฤษฏีทางการเงินแล้วจะพบว่า ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ไม่ได้น่ากังวล ในเชิงพื้นฐาน
ปัจจัยที่จะเข้ามามีผลต่อตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า จะเป็นเรื่องการรายงานตัวเลข GDP 4Q60 ของไทย ซึ่งจะรายงานในช่วงเช้าของวันที่ 19 ก.พ. 2561 (ระหว่างที่เราเขียนต้นฉบับ ยังไม่ทราบตัวเลข) โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน GDP 4Q60 ของไทยไว้ที่ 4.7% และฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองที่เป็นบวกสำหรับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2561 โดยคาดจะขยายตัวราว 4.8% ดังนั้นหุ้นที่คาดจะ Outperform จากประเด็นนี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจไทย เช่น กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มนิคมฯ, กลุ่มสื่อฯ, กลุ่มธนาคารพาณิชย์
ประเมิน SET index ยังอยู่ในช่วงของการพักฐาน กรอบ 1770 – 1820 จุด และกรณีที่สามารถผ่านกรอบ 1820 จุดได้ เราประเมินเป็นการกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นได้อีกครั้ง แนะนำ “สะสม” หุ้นหลักของแต่ละกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการเติบโตที่โดดเด่นของเศรษฐกิจไทย
หุ้นเด่น: กลุ่มนิคมฯ AMATA, WHA (รับโครงการ EEC) / กลุ่มค้าปลีก การบริโภคในประเทศ CPALL, COM7, SF, TOA (รับเศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นผู้บริโภค), กลุ่มสื่อ MONO, RS (ผ่านจุดต่ำสุดในปีก่อน), กลุ่มธนาคาร BBL (เศรษฐกิจเติบโต), หุ้นเล็กมีสตอรี่ SPPT, SIMAT (ปีนี้ Turnaround และมีดีลซื้อกิจการ),
สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)