CHUO ล้างบ้าน เตรียมเปิดกิจการ

4501

ชูโอ เซ็นโก จัดเป็นหนึ่งใน20 บริษัทที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กาหัวไว้ว่าเข้าข่ายที่จะถูกเพิกถอน โดยให้เวลาแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนถึง 31 มีนาคม 2561   แบบนี้ หากบริษัทใดไม่ได้มีการเตรียมตัวไว้ก่อน จะทำกันทันได้อย่างไร “มิติหุ้น” จึงต้องเจาะความคืบหน้าของแต่ละบริษัทว่ามีใครที่จะหลุดเหตุแห่งการเพิกถอนได้ทันบ้าง เรามาเริ่มกันที่ CHUO นี่แหละ

โดยธุรกิจแล้ว CHUO ดำเนินงานด้านสื่อโฆษณาหลายรูปแบบ    ก่อนปี 2015 บริษัทมีผลการดำเนินงานกำไรสลับกับขาดทุนรายปี แต่หลังจาก  2015 กลับทรุดหนัก และมีผลขาดทุน 112 ล้านบาท และเกิดขาดทุนสะสมตามมาจากผู้บริหารชุดเก่า ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารชาวไทย และญี่ปุ่น

 

…กลุ่มทุนใหม่เข้าเคลียร์พื้นที่…

ในปี 2017 กลุ่มทุนใหม่นำโดย ณรุจ วิวรรธนไกร, ธันว์ วุฒิธรรม ได้เข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่ และเข้าบริหาร  ด้วยเห็นว่า Chuo มีศักยภาพด้านแบรนด์ในฐานะ advertising agency   หลังจากเข้าบริหารและตรวจสอบการดำเนินงานในอดีต กลับพบว่า ผู้บริหารเดิม เปิดบริษัทลูกนับสิบแห่ง และเงินลงทุนไปจำนวนมากโดยขาดการตรวจสอบ  แถมมีการอนุมัติเงินลงทุนบางรายการ โดย ไม่ผ่านมติบอร์ดและผู้ถือหุ้น ไม่มีการประเมินและสอบทานมูลค่าอย่างเหมาะสม   ดังนั้นจึงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ  เช่นการติดตามหนี้  การฟ้องร้องผู้ละเมิดกฎ

นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นน้อยใหญ่หลายกลุ่ม  ที่ทราบเรื่องความไม่ถูกต้องให้กวาดล้างการทุจริตในองค์กรออกให้หมด และเร่งทำการฟื้นฟูกิจการควบคู่ไปกับจัดทำงบการเงินให้ครบถ้วนและถูกต้องเพื่อส่งให้กับตลาดหลักทรัพย์

…ลุ้นโอกาสที่จะกลับเข้ามาซื้อขายอย่างมุ่งมั่น…

          แต่เนื่องจากระยะเวลามีจำกัด คือ 31 มีนาคม 2561 นี้แล้ว ขณะที่การเคลียร์ปัญหาที่ฝังลึกไปทีละเปราะ การจัดทำงบการเงินตามเกณฑ์และหารายได้เข้าบริษัทต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง   จึงคาดว่าขณะนี้ผู้บริหารชุดใหม่น่าจะมีการยื่นเรื่องขอชะลอเหตุแห่งการเพิกถอน พร้อมแผนดำเนินงานอย่างมืออาชีพ และหากทำสำเร็จ โอกาสที่จะกล้บมาเป็นบริษัทจดทะเบียนซื้อขายอย่างสง่างามในตลาดอีกครั้งคงไม่ยาก

“มิติหุ้น” เชื่อว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ คงมีมุมมองที่ถูกจุด และเชื่อมั่นในแผนการกอบกู้บริษัท  ของทีมบริหารชุดใหม่ ที่เอาตัวเองและเงินทุนเข้าแลกท่ามกลางงานหนัก

งานนี้ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป มีแต่ดีขึ้น แล้วตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังลอยแพให้ผู้ถือหุ้นตาดำๆ 1,200 คนต้องเคว้ง เพราะผู้บริหารในอดีตเพียง 2-3 คนทำบริษัทเจ๊งได้อย่างไร