อันดับที่ 1 CHG ไตรมาส4/60กำไรงาม ปี61 เก็บเกี่ยวผลผลิตคาดโต13%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุน ประเมินหุ้น CHG ว่า ไตรมาส4/2560 คาดมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11% เทียบกับไตรมาส3/2560 ที่มีกำไรสุทธิ 168 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมทั้งปี 2560 คาดมีกำไรสุทธิ 584 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มปี 2561 ประเมินกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้น 13% โดยในปีนี้จะเป็นปีเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการลงทุนในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาโดยมีเตียงให้บริการเพิ่มขึ้น 60% หรือประมาณ 600 เตียง ขณะราคาหุ้นยังต่ำสุดของกลุ่มดังนั้นจึงคงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท
อันดับที่ 2 TCJ ปัดทุกข่าวลือ หลังหุ้นร่วงหนัก ลุยปั้นรายได้ปีนี้โต 10%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัท ที.ซี.เจ.เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ TCJ โดย นายทัสชน ลีลาประชากูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เปิดเผยว่า ในขณะนี้มีข่าวลือออกมาว่า ทางบริษัท TCJ ได้มีการผูกงานกับ STECเพียงรายเดียว ภายหลังจากที่STEC มีผลประกอบการของปี 2560 มีผลออกมาขาดทุน จึงอาจมีผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง ซึ่งทางบริษัทขอปฎิเศษข่าวลือดังกล่าวโดยสิ้นเชิง โดยทางบริษัทมีการรับงานระหว่างผู้รับเหมาทุกรายและทุกประเภท ทั้งรายเล็ก กลาง ใหญ่ อย่าง CK หรือ ITD ก็เป็นลูกค้าของบริษัท อย่างการเช่าอุปกรณ์ต่างๆเป็นต้น สำหรับกรณีที่หุ้นปรับตัวลดลงแรงนั้น ทางบริษัทไม่ทราบสาเหตุแต่อย่างใด โดยทางทีมผู้บริหาร ยังคงเดินหน้าธุรกิจตามแผน โดยวางเป้าหมายรายได้จะเติบโตที่ระดับ 10% โดยมีตุน Backlog ไว้ที่ 600 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่อง และยังหางานใหม่เข้ามาเสริมเพิ่มเติมตลอดทั้งปี ซึ่งธุรกิจยังมีแนวโน้มที่ค่อนข้างดี
อันดับที่ 3 MINT ยังน่าสนใจสุดในกลุ่ม โรงแรมกูรูเชียร์เป้า 52.50 บาท/หุ้น
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” MINT ที่มูลค่าเหมาะสมในปี 2561 ที่ 52.50 บาท ราคา ณ ปัจจุบันขึ้นเพียง 22 % ในรอบ 1 ปี เทียบกับ ERW +93% และ CENTEL +40% ขณะที่กำไรปกติ MINT ในปี 2561 เติบโตสูงสุดในกลุ่มที่ 24 % YoY เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 16 % YOY และมีปัจจัยบวกระยะสั้นคือ MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักมีผลวันที่ 28 ก.พ. 2561โดยภาพ 1Q61 คาดมีโมเมนตัมเติบโตต่อเนื่อง นำโดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมในประเทศ (16% ของรายได้รวม) เราคงประมาณการกำไรปกติในปี2561 ที่6.7 พันล้านบาท เติบโตโดดเด่น 24% YoY ส่วนงวด 4Q60 มีกำไรที่ 1.6 พันล้านบาท (+41% QoQ, +25% YoY) สูงกว่าคาด 11% และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย 20% YoY เป็น 610 ล้านบาท จากการขายวิลล่าโครงการ The Estate Samui 1 หลัง และห้องพัก Anantara Chiangmai Service Suites 2 ยูนิต ทั้งนี้ MINT มีกำไรปกติทั้งปี 2560 ที่ 5.4 พันล้านบาท (+21% YoY) ใกล้เคียงกับประมาณการเราที่ 5.7 พันล้านบาท
อันดับที่ 4 PSH มี 2 เด้งราคาหุ้นไม่แพง-มีปันผล 0.72 บาท/หุ้น
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ยังคงแนะนำ “ซื้อ” PSH โดยกำไรสุทธิใน 4Q60 อยู่ที่ 1.74 พันล้านบาท ลดลง 7.1% YoY แต่เพิ่มขึ้น 34.8% QoQ ถึงแม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น แต่รายได้จากยอดโอนที่ลดลง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ฉุดกำไรสุทธิใน FY60 ลดลง 8.1% หลังจากที่ร่วงแรงถึง 22.7% ในปี2559 แต่สาเหตุที่ยังคงคำแนะนำ ซื้อ PSH และให้ราคาเป้าหมายที่ 24.80 บาท อิงจาก PER เฉลี่ยระยะยาวที่ 9x จากการที่ราคาหุ้นไม่แพง และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลก็น่าสนใจ ทั้งนี้ PSH ประกาศจ่ายปันผล 0.72 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3% (กำหนดขึ้น XD วันที่ 8 มี.ค. 2561)
อันดับที่ 5 AAV ไฮซีซั่น หนุน Q4/60 กำไรแกร่ง อัตรา LOAD FACTOR สูงกว่า84%
สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น หรือ AAV โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมการบิน เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ของ AAV จะออกมามีกำไรสุทธิเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจะดีกว่าไตรมาส 3/2560 เนื่องจากยอดจองตั๋วเริ่มกลับมาฟื้นตัวตามทิศทางของฤดูกาลท่องเที่ยวหรือช่วงไฮซีซั่น ขณะที่ภาพรวมทั้งปี 2560 อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เติบโตมากกว่า 84% ส่วนจำนวนผู้โดยสารคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 18-19% หรือที่ 19.5 ล้านคนต่อปีตามเป้าหมายจากผู้โดยสารปี 2559 อยู่ที่ 17 ล้านคน ส่วนทิศทางปี 2561 คาดว่าภาพรวมของท่องเที่ยวยังเติบโตต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาล แต่การแข่งขันสายการบินต้นทุนต่ำยังคงรุ่นแรงเช่นเดิม ส่วนในประเทศไทยมีแผนทั้งการเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางที่ได้รับความนิยม และการขยายเส้นทางบินระหว่างภูมิภาค