ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บ้านปู หรือ BANPU โดยนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ในปี2561 มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าปี 2560 เนื่องจากคาดว่าราคาถ่านหินตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูงโดยปัจจุบันราคาอยู่ในระดับ 104 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และจะรักษาระดับราคาขายถ่านหินบ้านปูไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ยในระดับ 71-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ขณะที่ปริมาณการขายถ่านหินปีนี้เป้าที่ 44.8 ล้านตัน แบ่งเป็นอินโดนีเซีย 26 ล้านตัน ออสเตรเลีย 14.1 ล้านตัน จีน 4.7 ล้านตันจากปีก่อนมีปริมาณการขายที่ 41.3 ล้านตัน นอกจากนี้ยังได้ขายถ่านหินล่วงหน้าแล้ว 57% แบ่งเป็นการกำหนดราคาขายที่11% และ42% ขายอิงราคาตลาด 4% ยังไม่ได้กำหนดราคาขาย ดังนั้นเหลืออีก 43% ที่รอขายในปีนี้ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจแก๊สคาดว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเนื่องจากมีกำลังการผลิตแก๊สเพิ่มขึ้นที่ 201ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปีก่อนรับรู้รายได้ที่ 35ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมยังได้รับปัจจัยหนุนธุรกิจผลิตไฟฟ้า ของ บมจ.บ้านปูเพาเวอร์ หรือ BPP ที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
ส่วนแผนการลงทุนปีนี้บ้านปูเตรียมงบลงทุนกว่า 182 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจถ่านหิน 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ธุรกิจแก๊ส 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และลงทุนในบริษัทบริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด จำกัด 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนในธุรกิจถ่านหินนั้นเตรียมสำรองถ่านหินเพิ่มเติมจากแหล่งที่มีอยู่ของบริษัท และลงทุนซื้อแหล่งใหม่ ส่วนการลงทุนในบริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ตั้งเป้าติดตั้งโซลาร์รูปท็อป 100 เมกะวัตต์ในปีนี้จากที่มีลูกค้าในมือแล้ว 80 ราย ติดตั้งแล้ว 5-10ราย
สำหรับเม็ดเงินทุนนั้นมาจากเงินสดในมือ 13,000 ล้านบาท และพิจารณาออกหุ้นกู้ไม่น้อยกว่า5,000ล้านบาทอายุ10ปีเพื่อทดแทนหุ้นกู้ครบกำหนดในปีนี้ ร่วมถึงพิจารณากู้เงินจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ยังมีเงินปันผลจากบริษัทรวมกันมากกว่า5,000 ล้านบาท เช่น บริษัท Centennial ประเทศออสเตรเลีย 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัท ITM สหรัฐอเมริกา 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินปันผลจากโรงไฟฟ้าหงสา รวมถึงโรงไฟฟ้า บีแอลซีพี
www.mitihoon.com
