ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF โดยนายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้จากการขายไฟปี 2561 อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ขายไฟ 4,350 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีโรงไฟฟ้า 4 แห่ง กำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นรวมอยู่ที่ 289.9 เมกะวัตต์ เตรียม COD และรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าที่ 4 แห่ง ที่ COD ในปี 2560 โดยมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นที่ 280 เมกะวัตต์ อีกทั้งโรงไฟฟ้าเดิมสามารถเดินเครื่องการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สิ้นปีนี้มีโรงไฟฟ้า COD รวม 2.12 พันเมะวัตต์
ขณะที่ในปี 2562 มีโครงการโรงไฟฟ้าประเภท SPP จ่ายไฟเข้าระบบอีก 500 เมกะวัตต์ และในปี 2563 จะมีโครงการพลังงานชีวมวลจ่ายไฟเข้าระบบ จำนวน 20 เมกะวัตต์ ส่วนปี 2564-2567 บริษัทจะมีโครงการโรงไฟฟ้าประเภท IPP ที่ทยอยจ่ายไฟเข้าสู่ระบบปีละประมาณ 1,250 เมกะวัตต์ หรือรวมแล้วจำนวน 5,000 เมกะวัตต์
ดังนั้น จะส่งผลให้ในปี 2568 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตขายไฟแล้วทั้งหมด 11,126 เมกะวัตต์ ทำให้บริษัทคาดในปี 2568 จะมีรายได้ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเข้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในกลุ่มประเทศ CLMV โดยคาดว่าในปี 2561 จะเห็นความชัดเจนการเข้าลงทุนในประเทศเวียดนาม เนื่องจากขณะนี้ได้มีการร่วมเจรจากับนักลงทุนที่ประเทศเวียดนามแล้ว เบื้องต้นคาดจะมีความไปได้ทั้งโรงไฟฟ้าประเภทโซลาร์ ฟาร์มและพลังงานลม ขนาดไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ โดยเวียดนามมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตเพิ่มอีก 20,000-30,000 เมกะวัตต์ จึงถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปร่วมพัฒนา
สำหรับงบลงทุนบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 1.2 แสนล้านบาทใช้ใน 6 ปี ข้างหน้า (61-67) โดยแบ่งเป็นการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าประเภท IPP จำนวน 110,000 เมกะวัตต์ และส่วนที่เหลือเป็นโรงไฟฟ้าประเภท SPP จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้แหล่งเงินกู้ในสัดส่วน 75% และส่วนที่เหลือมาจากกระแสเงินสดของบริษัท ซึ่งเชื่อว่าจะเพียงพอต่อการลงทุน และทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน หรืออกหุ้นกู้
www.mitihon.com