กกพ.ประกาศตรึงค่าเอฟทีงวด พ.ค. – ส.ค. 2561 ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับงวด ม.ค. – เม.ย. 2561 ท่ามกลางแนวโน้มราคาก๊าซขาขึ้น
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 2561 ค่าเชื้อเพลิงทุกชนิด ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา และถ่านหิน มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงถึง 12.51 บาทต่อล้านบีทียู และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเอฟทีในส่วนของเชื้อเพลิงสูงขึ้น 3.77 สตางค์ต่อหน่วย แต่เนื่องจากมีเงินสะสมมาตั้งแต่กลางปี 2560 อยู่จำนวนหนึ่ง จึงนำมาช่วยตรึงราคาค่าเอฟทีในงวดนี้ ไว้ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย และเก็บไว้ส่วนหนึ่งไปช่วยพยุงค่าเอฟทีในงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2561 ไม่ให้สูงขึ้นมากจนเกินไป
เพื่อช่วยบรรเทาภาระผู้ใช้ไฟฟ้า
นอกจากนี้ โฆษก กกพ. ยังได้กล่าวสรุปถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 2561 ดังนี้
- อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากประมาณการที่ใช้คำนวณค่า Ft ในช่วง ม.ค. – เม.ย. 61 จาก 33.32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น 32.05
- ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 61 เท่ากับ 67,334 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 61 เท่ากับ 5,136 ล้านหน่วย คิดเป็นร้อยละ 8.26
- สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 61 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 60.50 รองลงมาเป็นรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ร้อยละ 13.23 ลิกไนต์ ร้อยละ 8.80 และ
ถ่านหินนำเข้า ร้อยละ 8.69