เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนที่ 3 ท่านนักลงทุนก็ได้เห็นสภาพตลาดและการเคลื่อนไหวของหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ดัชนีปิดตัวหลุด 1,800 จุดไปค่อนข้างมาก แต่เมื่อเปิดตลาดมาในวันทำการแรกของสัปดาห์นี้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปตาม Technical rebound นำโดยหุ้นกลุ่มใหญ่ แต่นั่นทำให้ดัชนีมีการซื้อ-ขายในกรอบการลงทุนที่ปรับลงมา ซึ่งทาง บล.KTBST มองกรอบการลงทุนในสัปดาห์นี้ (12-16 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 1,750-1,790 จุด
ด้วยภาวะและสถานการณ์ในช่วงนี้จะเห็นว่ามีหุ้นบางกลุ่ม บางตัวที่สามารถยืนหยัดต้านทานแรงผันผวนของตลาดได้และเป็นหุ้นที่ KTBST แนะนำลงทุนด้วย แต่ก่อนไปพูดถึงหุ้นดังกล่าว บล. KTBST ของพูดถึงภาวะตลาดในสัปดาห์นี้ก่อนเพื่อให้เห็นแนวโน้มการลงทุน จากช่วงก่อนหน้านี้ที่ตลาดปรับตัวลงมาก ในสัปดาห์นี้แรงขายเริ่มลดลงโดยเฉพาะต่างชาติ รวมทั้งปัจจัยต่างประเทศที่เบาบางลงไป แต่ยังต้องจับตาดูเรื่องมาตรการตอบโตประเด็นภาษีการค้าของสหรัฐฯจากประเทศอื่นๆ ที่อาจจะมีตามมา
แต่อย่างไรก็ตามด้วยราคาหุ้นไทยเองที่ขึ้นมามากและมีระดับ P/E ที่สูง ทำให้นักลงทุนจะวิ่งตามซื้อก็คงไม่เห็นแล้ว หุ้นที่ขึ้นไปมากจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะโดนแรงขายออกมา ในสัปดาห์นี้นักลงทุนสามารถเข้าเก็งกำไรในระยะสั้นๆได้ในหุ้นที่ราคายังขึ้นไปไม่มาก แต่ก็ต้องหาจุดขาย (Stop Loss) เมื่อราคาปรับตัวลงด้วยรวมถึงกลุ่มราคายังขึ้นไปไม่มาก (Laggard)
ส่วนหุ้นที่ KTBST ได้พูดถึงไว้ว่าเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่ง และยังแนะนำสำหรับนักลงทุนนั้น ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีเช่น PTTGC ที่ยังได้อานิสงค์จากราคาน้ำมันดิบและผลต่างของราคา (Spread) ปิโตรเคมีที่ยังดีต่อเนื่อง กลุ่มพานิชย์อย่าง CPALL ที่ยังมีความแข็งแกร่งของกำไรและโอกาสเติบโตจากการเข้ามาของ Fintech และ Banking Agent และกลุ่มสื่อสารตัวที่โดดเด่นคือ ADVANC จากบรรยากาศการแข่งขันของตลาดโทรศัพท์ลดลงไปมาก และมีกำไรสูงขึ้นสองไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้ทำให้แรงกดดันด้านต้นทุนเริ่มน้อยลง
ทั้งนี้แม้ว่าจะมีหุ้นดี หุ้นที่น่าลงทุนอยู่ในทุกสภาพตลาด แต่หากทิศทางการลงทุนที่ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาอย่างชัดเจน นักลงทุนอาจใช้การจัดสินทรัพย์ลงทุน ใช้เครื่องมือต่างๆเข้าช่วยทั้งตราสารหนี้ กองทุนรวม แทนการถือเงินสดเพื่อรอจังหวะลงทุน นักลงทุนที่สนใจสามารถ