มิติหุ้น-“นกแอร์” เริ่มเห็นผลการดำเนินงานในทางบวกอย่างชัดเจน จากแผนฟื้นฟูธุรกิจและการผลักดันองค์กรให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องจากผลการดำเนินงานล่าสุดนั้นแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ของสายการบินที่กำลังกลับเข้าสู่ทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีผลกำไรสุทธิระหว่างธันวาคม 2560 ถึง ก.พ. 2561 อยู่ที่ 104.71 ล้านบาท เป็นการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุน 317.60 ล้านบาท
นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่ได้เห็นว่าความพยายามของนกแอร์ที่จะฟื้นความแข็งแกร่งทางการเงินนั้น เริ่มที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง และแน่นอนว่าสายการบินยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามแผนการฟื้นฟูธุรกิจต่อไป”
จากตัวเลขเบื้องต้นแสดงให้เห็นถึงการที่สายการบินได้มีการแก้ไขตัวแปรที่สำคัญในหลายจุด ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการลดต้นทุนต่าง ๆ และการขยายเส้นทางบิน แม้ว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีการปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
รายได้ในเดือนธันวาคม 2560 ถึงกุมภาพันธ์ 2561 เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 12.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็น 4.37 พันล้านบาท มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 เป็น 2.54 ล้านคน และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 93 จากร้อยละ 86 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินลดลงร้อยละ 31.6 ดังนั้นค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินจะเทียบเท่าเป็นร้อยละ 16 ของต้นทุนรวมของสายการบิน ลดลงจากเดิมที่อยู่ระดับร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อัตราการใช้เครื่องบินต่อลำเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.1 หรือคิดเป็น 9.96 ชั่วโมงปฏิบัติการการบินต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำอยู่ที่ 8.09 ชั่วโมงปฏิบัติการการบินต่อวัน
ปริมาณผู้โดยสารในเส้นทางบินจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 182.9 หรือจาก 83,190 คน เป็น 235,303 คน นับตั้งแต่ที่สายการบินได้เร่งขยายธุรกิจเช่าเหมาลำในเส้นทางบินระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย
นายปิยะ เน้นย้ำเพิ่มเติมว่า “การลดลงของค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว เป็นผลมาจากการบริหารจัดการที่ดีขึ้น โดยให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเครื่องบิน ซึ่งความปลอดภัยของผู้โดยสาร ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกและเป็นหัวใจของการให้บริการของนกแอร์”
นายปิยะ กล่าวว่า “ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นแนวโน้มที่ดีของนกแอร์ เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ส่งผลให้กลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง และเป็นสายการบินที่เป็นทางเลือกหลักสำหรับผู้โดยสาร”
“แม้ว่าภาวะการดำเนินงานในปัจจุบันนั้นค่อนข้างยากลำบาก ซึ่งเกิดจากสภาวะการแข่งขันกันในตลาดที่รุนแรงและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็เชื่อมั่นว่าในปี 2561 นี้ สายการบินจะสามารถดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแผนการที่ได้วางไว้” นายปิยะ กล่าวเสริม
ในปีนี้นกแอร์ตั้งเป้าเพิ่มรายได้อีก 2.8 พันล้านบาท จากปี 2560 เป็น 16.8 พันล้านบาท โดยการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 9 ล้านคน จากเดิม 8 ล้านคน รวมไปถึงเพิ่มอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารเป็นร้อยละ 93 จากร้อยละ 86 ในปีที่ผ่านมาในปีที่ผ่านการขาดทุนของนกแอร์ลดลงเหลือ 1.85 พันล้านบาท จากเดิมในปี 2559 ที่มีการขาดทุนสูงถึง 2.8 พันล้านบาท
ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์องค์กร บมจ.สายการบินนกแอร์
www.mitihoon.com