สวัสดีครับท่านนักลงทุน … การลงุทนตอนนี้มีหลายปัจจัยให้ติดตามดูนะครับ ประเด็นสำคัญเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของการเลือกตั้งของไทยเป็นปัจจัยหนึ่งที่ตลาดจับตาดูและดัชนีมีการเคลื่อนไหวสอดรับกับเรื่องนี้อยู่พอสมควร นอกเหนือจากปัจจัยต่างประเทศอื่นๆอีก ทำให้ตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมามีความผันผวนมากมีการขายทำกำไรออกไปในหุ้นที่ขึ้นมามาก โดยเรื่องของวันเลือกตั้งนั้นการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวหรือกรอบวันเลือกตั้งที่ถูกขยับออกไปออกไป 90วัน เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อใดกันแน่ เนื่องด้วยการนับเวลา 150 วันนั้นจะนับ 150 วัน บวกจากวันที่ออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ซึ่งการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งไม่ต้องรอให้ พรบ.เลือกตั้ง สส. ครบ 90วันก็ได้ ดังนั้นจึงทำให้วันเลือกตั้งจริงอาจเกิดก่อนเดือน ก.พ. 2562 ก็เป็นได้ KTBST คาดว่า วันเลือกตั้งจะไม่เลื่อนจากเดือน พ.ย. 2561ไปมากนัก และตลาดน่าจะมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเรื่องนี้
ขณะที่ประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นด้วยปัจจัยพื้นฐานและดอลล่าร์ที่อ่อนแอ ดังนั้นช่วงสั้นๆ อาจจะมีการมองกันว่า แบงก์ชาติอาจชะลอการทำ Swap เพื่อกดค่าเงินบาทลงปล่อยให้เงินบาทแข็งตามสภาพไปก่อน ทำให้หุ้นกลุ่มส่งออกอย่าง กลุ่มเกษตรและอีเล็คทรอนิคส์ ยังมีความเสี่ยงขาลงอยู่ แต่หุ้นมีหนี้เป็นเงินดอลล่าร์ อย่างเช่น กลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี-ถ่านหิน ได้ปัจจัยบวกจากเงินบาทที่แข็งค่า
ขณะเดียวกันด้วยเงินดอลล่าร์ที่อ่อนค่าและนโยบาย QE ของ ECB ยังไม่เปลี่ยน ทำให้เงินลงทุนยังไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียและในสัปดาหนี้นอกจากการประชุม FOMC วันที่ 31 ม.ค. คงต้องดูวันที่ 29 ม.ค.และการประชุม ครม.ของไทยในวันอังคารที่ 30 นี้ น่าจะมีการพูดถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ข่าวที่ออกมาคนมองเป็นผลลบมากกว่า เพราะต้นทุนกิจการ SMEs นั้นสูงขึ้น
สำหรับคำแนะนำการลงทุนนะครับ ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ยังน่าจะเดินหน้าต่อไปได้จากแรงขายที่มีไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันตัวแปรหลายตัวมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น แต่ดัชนีฯ จะขึ้นได้ไม่ไกล มองกรอบบนอยู่ที่ 1,850 จุด และมองว่ายังไม่น่าจะผ่านจุดนี้ไปได้ง่ายๆ ความ หุ้นกลุ่มพลังงานจะเป็นกลุ่มหลักที่จะนำตลาดต่อไป ดังนั้นนักลงทุนอาจพิจารณาเข้าลงทุนในกลุ่มนี้ได้อยู่ครับ