MBKET ปักธงมาร์เก็ตแชร์ปีนี้ทะยาน 8% เตรียมนำน้องใหม่ IPO เข้าเทรด 5-6 ดีล

73

 ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET โดยนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปีนี้ จะเพิ่มบัญชีลูกค้าอีก 2 หมื่นบัญชี จากจากปัจจุบันที่มี 2 เเสนบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่ซื้อขายสม่ำเสมอ 50% โดยมีแผนจะขยายกลุ่มลูกค้า Margin loan ให้ลงมาสู่รายย่อยมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีการปล่อยวงเงิน Margin loan อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งตามนโยบาย บริษัทสามารถรองรับได้ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังจะขยายธุรกิจต่างๆ ที่ดำเนิการอยู่ของบริษัทเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทฯ เตรียมเปิดรูปแบบการให้บริการในการซื้อขายหลักทรัพย์รูปแบบใหม่ๆ และต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม อาทิ ธุรกิจตราสารหนี้, ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants)DW ซีรี่ใหม่, Structure note และequity-linked notes คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/61เป็นต้นไป

พร้อมกับตั้งเป้าเป็นโบรกเกอร์อันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2561 บริษัทจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด หรือมาร์เก็ตแชร์ให้อยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 7-8% จากสิ้นปี 2560 อยู่ที่ระดับ 6.83% แม้ปัจจุบัน จะมีคู่แข่งทางการค้ามากขึ้น แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่านักลงทุนรายย่อย ยังให้ความสำคัญในเรื่องของงานวิจัยและคอนเทนต์ ซึ่งบริษัทฯ ได้มีช่องทางต่างๆ ที่ข้อมูลแก่นักลงทุนได้อย่างครอบคลุม จึงประเมินว่างานวิจัยและคอนเทนต์ ยังคงเป็นสิ่งที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯที่ได้เดินหน้าทำอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนธุรกิจวานิชธนกิจ (IB) ปัจจุบัน บริษัทฯ มีดีลอยู่ราว 20-26 ดีล แบ่งเป็นดีลการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) 13-14 ดีล, ดีลทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 1-2 ดีล, ดีลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 1-2 ดีล, ดีลซื้อกิจการ (M&A) 3-4 ดีล, ดีลออกหุ้นเพิ่มทุน 1-2 ดีล และดีลแอดไวเซอร์ 1-2 ดีล โดยในปีนี้จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ( IPO ) ได้ประมาณ 5-6 ดีล

ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยหลักทรัพย์  MBKET เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,870 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนอย่างเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจากภาคการส่งออก โดยคาดว่าในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องราว 5-6% ขานรับกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงจีน ขณะที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินการเปิดประมูลงานโครงการลงทุนต่างๆ ปี 2561 ออกมาราว 9 แสนล้านบาท ผสานกับความคืบหน้าที่มากขึ้นในการผลักดันโครงกาน EEC ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน คาดว่าราคาหุ้นที่จะปรับตัวดี เป็นหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ คือ อาทิหุ้นกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี, เดินเรือ, โรงพยาบาลและกลุ่มสื่อสาร Top Pick คือ IRPC, IVL, PTTGC, PRM, WICE

www.mitihoon.com