Highlight
- ความต้องการใช้อะลูมิเนียมทั่
วโลกมีแนวโน้มเติบโต 4%CAGR ในช่วงปี 2018-2020 โดยมีการเติบโตของภาคก่อสร้ างและการผลิตรถยนต์ในจีนเป็นปั จจัยขับเคลื่อนหลัก สวนทางกับกำลังการผลิตที่คาดว่ าจะหดตัวลงถึง 4 ล้านตัน หรือเทียบเท่า 7% ของกำลังการผลิตโลก จากสถานการณ์ดังกล่าวประเมินว่ าราคาอะลูมิเนียมจะปรับตัวขึ้ นราว 3%CAGR ในช่วงปี 2018-2020 - สำหรับไทย อีไอซีประเมินว่าการเติ
บโตของการผลิตรถยนต์ การก่อสร้างภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนี ยมและอาคารสำนักงาน รวมถึงการขยายตัวของตลาดเบียร์ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง จะส่งผลให้ความต้องการใช้อะลูมิ เนียมเติบโต 5%CAGR ในช่วงปี 2018-2020 - ความผันผวนของราคาอะลูมิเนียม การขยายตัวของปริมาณการนำเข้
าอะลูมิเนียมสำเร็จรูป และมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าอะลูมิ เนียมของสหรัฐฯ เป็น 3 ปัจจัยที่ผู้ผลิตและผู้ใช้อะลู มิเนียม ควรติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่ งผลกระทบต่อผลการดำเนิ นงานโดยตรง
Implication
- ผู้ประกอบการควรวางแผนการใช้
กำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติ บโตของ อุปสงค์อะลูมิเนียมในอนาคต โดยเฉพาะกรอบอะลูมิเนียมสำหรั บงานก่อสร้าง และแผ่นอะลูมิเนียมซึ่งเป็นวั ตถุดิบสำหรับการผลิตกระป๋อง ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อที่คาดว่ าจะขยายตัวขึ้น ผู้ประกอบการที่มีกำลังการผลิ ตไม่มากพอควรพิจารณาการลงทุ นขยายกำลังการผลิต หรือพิจารณาการนำเข้าผลิตภัณฑ์ สำเร็จรูปมาจัดจำหน่ายเพื่ อตอบสนองความต้องการที่ขยายตั วขึ้น - อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกั
บการบริหารความเสี่ยงจากการผั นผวนของราคา แม้ทิศทางราคาอะลูมิเนียมจะอยู่ ในขาขึ้น แต่แน่นอนว่าในระหว่างปี ราคาอะลูมิเนียมจะผั นผวนตามการเปลี่ยนแปลงของอุ ปสงค์และอุปทาน รวมถึงแรงเก็งกำไร ณ เวลานั้นๆ การจับคู่คำสั่งซื้อ และการบริหารสินค้าคงคลังให้อยู่ ในระดับที่เหมาะสม จะช่วยให้ผู้ ประกอบการสามารถลดความเสี่ยงที่ จะเกิดการขาดทุนจากการเปลี่ ยนแปลงของราคาอะลูมิเนียมได้ (stock loss)
โดย: Economic Intelligence Center (EIC) ธ.ไทยพาณิชย์