สงครามการค้าระหว่างประเทศยักษ์ใหญ่ ไทยลุ้นรับอานิสงส์

215

เราประเมินตลาดหุ้นทั่วโลก Panic จากประเด็นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการของสหรัฐฯ และการตอบโต้ของประเทศจีนด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯเช่นกัน ซึ่งเราประเมินว่า ผลกระทบต่อประเทศไทยจำกัด ในทางกลับกันอุปทานสินค้าหลายรายการที่ถูกเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐฯ และจีน มีโอกาสที่จะไหลเข้าสู่ประเทศอื่นๆ ทำให้อุปทานล้นตลาดขึ้นได้ในประเทศอื่น นอกจาก สหรัฐฯและ จีน อาทิ เช่น เหล็ก อลูมิเนียม สินค้าเกษตรของสหรัฐฯ (ข้าวโพด, ถั่วเหลือง) เป็นต้น ซึ่งในมุมกลับ เราประเมินว่าจะกลับเป็นอานิสงส์ต่อผู้ประกอบการในไทยที่ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ในการผลิต เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ที่จะมีต้นทุนเหล็กลดลง อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ที่จะมีต้นทุนถั่วเหลือง และข้าวโพด ที่ลดลง เป็นต้น อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยฯ ประเมินมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯครั้งนี้น่าจะเป็นเครื่องมือในการเจรจาการค้ามากกว่าเป็นสงครามการค้าอย่างแท้จริง เห็นได้จากการที่ สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็ก/อลูมิเนียมให้กับยุโรป เกาหลี และบราซิลแล้ว  หลังการเจรจาลงตัว

หุ้นใหญ่ที่เคยเป็นเป้าหมายการซื้อของนักลงทุนเสี่ยงที่จะปรับฐาน เนื่องจากนักลงทุนสถาบัน Overweight ซื้อเข้าไปมาก มีโอกาสที่จะเป็นโอกาสขายทำกำไร ดังที่เริ่มเกิดขึ้นกับหุ้นใหญ่หลายตัวในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ที่แนวโน้มอุตสาหกรรมฯ น่าจะผ่านช่วงที่ดีที่สุด เช่น กลุ่ม โรงกลั่น (TOP, SPRC เป็นต้น) และกลุ่มที่ Upside เริ่มจำกัด อย่าง กลุ่มโรงไฟฟ้า (BCPG, GPSC) เป็นต้น ขณะเดียวกันหุ้นขนาดกลาง – เล็กที่นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อย Underweight ขายออกมามาก เพื่อหมุนกลุ่มเล่นไปยังหุ้นใหญ่ ในช่วงที่ผ่านมา (Investment style rotation) ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยน หรือ มีข่าวบวกเฉพาะตัว มีโอกาสที่จะเป็นเป้าหมายในการหมุนกลุ่มเล่นถัดไป หลังจากที่หุ้นตัวใหญ่พักฐาน

ประเมินกรอบ SET index สัปดาห์นี้ แนวรับ 1780 จุด และกรณีเลวร้าย คาดไม่น่าหลุด 1760 จุด / แนวต้าน 1810 จุด และ 1820 จุด แนะนำ “สะสม” หุ้นหลักของแต่ละกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการเติบโตที่โดดเด่นของเศรษฐกิจไทย และหุ้นขนาดกลาง – เล็ก ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่น:

  • หุ้นกลุ่มหลัก เน้น “สะสม” i) กลุ่มธนาคาร BBL ii) กลุ่มค้าปลีก CPALL, COM7
  • เก็งกำไรหุ้นรับ อานิสงส์สงครามการค้า สหรัฐฯ – จีน i) กลุ่มยานยนต์ SAT, AH ii) กลุ่มปศุสัตว์ CPF, GFPT
  • เก็งกำไร i) หุ้นกลุ่มสื่อสาร TRUE, ADVANC ii) หุ้นกลุ่มลีสซิ่งดั้งเดิม ASK, ECL iii) หุ้นมีข่าวซื้อกิจการ SIMAT
  • สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง หุ้นลงหนักพื้นฐานไม่เปลี่ยน SPPT, ROBINS, AMATA

สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)