ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น หรือ UNIQ ว่า ในปี 2561 นี้ UNIQ วางเป้าหมายได้งานใหม่ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท มาจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย 1 สัญญา (จาก 6 สัญญา) งานรถไฟทางคู่เฟส 2 และงานอื่นๆ ที่คาดว่าจะเกิดในครึ่งปีหลังของปีนี้ เช่น งานสนามบินสุวรรณภูมิ งานวางสายไฟใต้ดินการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งภาพรวมงานประมูลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้มีมูลค่ารวมราว 4.7 แสนล้านบาท ทำให้เชื่อว่างานในมือของ UNIQ จะรักษาระดับได้ใกล้เคียงกับ ณ ปัจจุบันที่ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือมีโอกาสที่จะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม จากงานประมูลที่ล่าช้ากว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาด โดยการประกวดราคาต่างๆ จะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ทำให้การบันทึกรายได้จากงานใหม่ไม่ทันภายในปีนี้ ส่งผลกระทบต่อประมาณการรายได้ปี 2561-2562 ที่ทางฝ่ายได้ปรับลดเป็น 13% และ 14% เป็น 1.3 หมื่นล้านบาท และ 1.6 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่งผลต่อประมาณการกำไรสุทธิลดลงจากเดิม 12% และ 11% เป็ น 921 ล้านบาทและ 1 พันล้านบาท ตามลำดับ และทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2561 ลดลงเป็ น 18.70 บาท (ด้วยวิธีค่าเฉลี่ย PE ใน 3 ปี 22 เท่า) จากเดิม 23.20 บาท
สำหรับประเด็นความล่าช้าของงานประมูลที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป ทำให้กลุ่มรับเหมาฯ ปรับตัวลงถึงเกือบ 16% จากสิ้นปีก่อนถึงปัจจุบัน โดยราคาหุ้น UNIQ ลดลงถึง 18% นับว่าสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวไปมากแล้ว ขณะที่มองว่าการประมูลที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีต่อ UNIQ ในการรับงานใหม่ และคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น จากความคืบหน้าของงานรถไฟฟ้าสายสีส้มและรถไฟทางคู่ รวมถึงการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 15% สูงกว่ากลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ที่ทำได้เพียง 7-10% จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”