มิติหุ้น-นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ตามที่มีนักวิชาการได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร และการให้สัมปทานจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick up Counter) ภายในท่าอากาศยานของ ทอท. โดยได้ให้ข้อมูลว่าในท่าอากาศยานทั่วโลกมีรูปแบบการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร 4 รูปแบบ ได้แก่ สัมปทานรายใหญ่รายเดียว (Master Concessions) สัมปทานตามที่ตั้ง (Multiple concessions by location) สัมปทานตามกลุ่มสินค้า (Multiple concessions by category) และสัมปทานตามกลุ่มสินค้าและตามที่ตั้ง (Multiple concessions by category and by location) ซึ่งแต่ละรูปแบบมีความสอดคล้องและเหมาะสมในด้านต่างๆ แตกต่างกันออกไป สำหรับ ทอท.
ซึ่งปัจจุบันใช้รูปแบบการให้สัมปทานรายเดียวเช่นเดียวกับท่าอากาศยาน Heathrow สหราชอาณาจักร ท่าอากาศยาน Shanghai Pudong International Airport สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสัญญาร้านค้าปลอดอากรกับผู้ประกอบการปัจจุบัน ณ ทสภ.จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2563 และเป็นช่วงที่จะมีการเปิดอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ตามโครงการพัฒนา ทสภ.ระยะ 2 ซึ่งจะต้องมีการเปิดประมูลได้ผู้ประกอบการล่วงหน้า 2 ปี เพื่อให้การประกอบกิจการเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และผู้ประกอบการสามารถเตรียมการในการจัดหาสินค้า การอบรมบุคลากร ตลอดจนการติดต่อกับร้านค้าชั้นนำต่างๆ นั้น
ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างการศึกษาและวิเคราะห์โครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานของ ทอท. และข้อดีข้อเสียในการให้สัมปทานแต่ละรูปแบบ โดย ทอท.ได้ให้ที่ปรึกษาดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ)
โดย ทอท.ได้กำชับให้ที่ปรึกษานำข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายมาพิจารณาประกอบการศึกษาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด โดยการคัดเลือกผู้ประกอบการจะเน้นความโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้ รวมทั้งรูปแบบการให้สัมปทานต้องเป็นรูปแบบที่มีการใช้ในท่าอากาศยานทั่วโลก อีกทั้งจะต้องเหมาะสมกับกายภาพของอาคารผู้โดยสารของ ทอท. การบริหารจัดการในเขตการบินที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเดินของผู้โดยสาร (Passenger Flow) เนื่องจาก ทอท.ยังมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน และประตูเทียบอาคารผู้โดยสารที่อาจกระทบต่อการจัดสรรพื้นที่ในการวางที่ตั้งร้านค้า และสอดคล้องกับมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยด้วย
นายนิตินัย กล่าวในตอนท้ายว่า ทอท.มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และผู้ถือหุ้นตลอดมา เพื่อให้ ทอท.สามารถดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยและเติบโตได้อย่างยั่งยืน