ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) โดย งสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวบวกเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ยังไม่ส่งผลกระทบที่ชัดเจน จึงทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลในระยะสั้น ส่วนในประเทศกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใกล้เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2561 จึงทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาบางส่วน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีปัจจัยลบเข้ามากดดันค่อนข้างมาก จึงทำให้ราคาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวโน้มช่วงบ่ายประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวบวกต่อ สะท้อนจากดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ที่บวกกว่า 200จุด ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกในเชิงจิตวิทยาของนักลงทุนให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาได้ โดยประเมินแนวต้านที่ 1,760 จุด และแนวรับที่ 1,740 จุด
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ การแตกพาร์ของ PTT ในวันที่ 12 เม.ย.61 และ บทสรุปของ การปรับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของ กบง. ในวันที่ 20 เม.ย.61
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือเงินสด 50% และ ลงทุน 50% เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของสงครามการค้าของจีนและสหรัฐฯ เนื่องด้วยนโยบายทางการค้ายังไม่มีความชัดเจนซึ่งสามารถมีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา โดยกลุ่มที่มีควงามน่าสนใจเข้าลงทุนได้แก่ กลุ่มที่ให้อัตราปันผลสูง เช่น AP ที่ประเมินว่าจะให้อัตราปันผลไม่ต่ำกว่า 4% อีกทั้งภาพรวมธุรกิจยังสามารถเติบโตได้ดี และกลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการออกมาโดดเด่นได้แก่ HMPRO ซึ่งในขณะนี้ถือว่าราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุน