คาดน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวในกรอบ 62-66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

89

จากสถานการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยรายสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงทุกชนิด โดยน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 1.94  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 67.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 1.93  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่  63.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง  0.07  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  อยู่ที่ 65.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ลดลง 1.22 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 79.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลลดลง 0.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 81.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันลดลงจากนักลงทุนวิตกต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ   นาย Donald Trump ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการค้าพิจารณาภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพิ่มเติมอีก เป็นมูลค่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ขณะที่จีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง นักวิเคราะห์จาก Oxford Economics กล่าวถึงข้อเท็จจริงว่าภาษีดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่จะเป็นประเด็นสำหรับเปิดการเจรจาต่อไป

อย่างไรก็ตามหากเกิดสงครามทางการค้าเต็มรูปแบบ นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และจีนจะได้รับผลกระทบสูงกว่าที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างประกาศ โดย GDP แท้จริงของสหรัฐฯ และจีน ในปี 2562 จะชะลอตัว โดยลดลงประมาณ 1.0 % YoY และทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเป็น 2.5 % YoY จากกรณีพื้นฐานที่คาดว่าจะเติบโต 3.0 % YoY อาจทำให้อุปสงค์น้ำมันโลกลดลง และมีข่าวกระทรวงน้ำมันอิรักประกาศได้ลงนามเซ็นสัญญากับบริษัท Anton Oilfield Services และ Petrofac เพื่อดำเนินการผลิตน้ำมันจากแหล่ง Majnoon ทางตอนใต้ โดยมีแผนจะขยายกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งปัจจุบันที่ 240 KBD เป็น 450 KBD ภายใน 3 ปี

ทั้งนี้บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน Wood Mackenzie คาดการณ์ว่าในปี 2561 นี้ บริษัทผู้ประกอบการสำรวจ  และผลิตน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติทั่วโลกมีแนวโน้มจะมุ่งเน้นโครงการที่ใช้เงินทุนน้อยลง และเร่งรอบการผลิต เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเร็วขึ้น (Leaner & Meaner) โดยมีโครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้ว 6 โครงการ  และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติรวมประมาณ 30 โครงการ ใกล้เคียงกับปี 2560 ซึ่งจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2559 แต่รายจ่ายด้านการลงทุนเฉลี่ยในปี 2560 อยู่ที่ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ/โครงการนับเป็นมูลค่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากผู้ประกอบการหันมาสนใจโครงการขนาดเล็ก  และขยายแหล่งเดิมที่ผลิตอยู่แล้ว ทางด้านเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ  66.5-70.5  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ NYMEX WTI อยู่ในกรอบ 62.0-66.0  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ราคาน้ำมันดิบ Dubai จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 64.5-68.5  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

โดยส่วนวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)