มิติหุ้น-จากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟิลลิป(ประเทศไทย) ประเมินหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส1/2561 รวมกัน 45,000 ล้านบาทลดลง 12.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าการตั้งสำรองสูงในหลายธนาคารจะยังคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของกลุ่มลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส4/2560 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 9% เนื่องจากการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยในหลายธนาคารรวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ลดต่ำลงจากปกติที่ไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในปีคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิในหลายธนาคารที่อาจจะลดต่ำลงจากสินเชื่อที่ชะลอตัวและต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น
หากประเมินรายตัวพบว่าไตรมาสนี้รายได้ดอกเบี้ยในของ BAY ที่จะรับรู้รายได้จากสินเชื่อที่โอนมาจากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์เต็มไตรมาสก็ตามส่วนทางด้านค่าธรรมเนียมซึ่งมีหลายธนาคารได้ออกมายกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินการจ่ายบิลซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญของรายได้ค่าธรรมเนียมกลุ่มธนาคารจะยังได้รับผลกระทบไม่มากนักเนื่องจากการประกาศนี้มีผลในช่วงปลายไตรมาสโดยจะได้รับผลกระทบอย่างจริงจังในไตรมาส2/2561 เป็นต้นไปทางด้านสินเชื่ออาจจะเติบโตจากสิ้นปี 60 ไม่มากนักซึ่งเป็นปกติที่ไตรมาส1 สินเชื่อจะชะลอตัวหลังจากมีการเบิกใช้จำนวนมากในช่วงไตรมาส4 ไปแล้วอย่างไรก็ตามเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในเดือน ก.พ. และหลังจากเดือน ม.ค. สินเชื่อของกลุ่มหดตัวลงค่อนข้างแรงและในเดือนมี.ค. ยังคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตต่อทำให้สิ้นไตรมาส 1/2561 สินเชื่อน่าจะหดตัวไม่มากนัก
อย่างไรก็ตามยังคาดว่า NPL ของกลุ่มจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อโดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ซึ่งยังเป็นปัจจัยกดดันทำให้การตั้งสำรองยังคงสูงอยู่ แนะนำลงทุน BBL (ราคาพื้นฐาน215 บาท) เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มจากเดิมที่เลือก TISCO เนื่องจากมองว่าสินเชื่อรายใหญ่จะเป็นสินเชื่อที่เติบโตโดดเด่นในปีนี้และ BBL นั้นมีความเชี่ยวชาญสินเชื่อประเภทนี้นอกจากนี้ BBL ยังเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL มากซึ่งไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่มากนัก
www.mitihoon.com