ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) หรือ TOA ว่า จากข้อมูลการลงพื้นที่ ยืนยันว่าราคาขายสีทาอาคารปรับขึ้นแล้ว โดยฝ่ายวิเคราะห์ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูลจากร้านค้าวัสดุก่อสร้างหลายแห่ง (ทั้ง modern และ traditional trade) ซึ่งข้อมูลที่ได้รับยืนยันว่าราคาขายสินค้าของ TOA ขยับสูงขึ้น (ประมาณ 70% ของยอดขายในประเทศทั้งหมด) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 แต่ระดับการปรับขึ้นของราคาสินค้าแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับนโยบายของร้านค้าแต่ละร้าน ซึ่งคาดว่าบริษัทอาจจะต้องเผชิญกับผลของ substitution effect บ้าง
เนื่องจากอาจจะมีผู้บริโภคบางรายอาจเปลี่ยนไปใช้สินค้ายี่ห้ออื่นชั่วคราว และอาจกระทบกับยอดขายของ TOA เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะหายไปในไตรมาส 2/61 เนื่องจากคู่แข่ง (Berger, Akzo Nobel) ต่างก็ประกาศขึ้นราคาในเดือนเมษายน ซึ่งจะทําให้ระดับราคาไม่แตกต่างกัน เราคาดว่า TOA จะได้อานิสงส์เต็มที่จากการปรับขึ้นราคาขายสินค้าในไตรมาส 2/61
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า รายได้ของ TOA ในไตรมาส 1/61 จะอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 26.3% ของประมาณการทั้งปี (+8.0% QoQ, +16.4% YoY) จากการปรับขึ้นราคาขายสินค้าในประเทศ บวกกับการเป็นช่วง peak season และการฟื้นตัวของยอดขายในเวียดนาม หลังจากที่การจดทะเบียน VAT ทําให้เกิดการสะดุดช่วงสั้นในไตรมาส 1/60 ทางฝ่ายคาดว่าอัตรากําไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 33.9% ในไตรมาส 4/60 เป็น 36.2% ในไตรมาส 1/61 และคาดว่ากําไรสุทธิในไตรมาส 1/61 จะอยู่ที่ 601ล้านบาท (+28.9% QoQ, +21.0% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 25.5% ของประมาณการทั้งปี
ดังนั้น จึงยังคงราคาเป้าหมายปี 2561 ไว้ที่ 40.50 บาท อิงจาก PER ที่ 35.2x ซึ่งได้มาจากค่าเฉลี่ยของหุ้นประเภทเดียวกันใน APAC หักด้วย market discount 20% ซึ่งคาดว่ากิจการของบริษัทในอินโดนีเซีย (โรงงานมีกําหนด COD ใน ไตรมาส3/61) จะช่วยสร้าง upside เพิ่มให้กับบริษัทถ้าหากว่า TOA ประสบความสําเร็จในการดําเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้