มิติหุ้น – BRR ย้ำรายได้ปีนี้โตกว่าปีก่อน ตามปริมาณอ้อยเพิ่ม30% เตรียมเปิดโฉมธุรกิจใหม่ ” บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย” คาดเริ่มได้ต้นปี62 แย้มมาร์จิ้นสุดจัดจ้าน เจาะตลาดไทย-ยุโรป-สหรัฐฯ ลั่นปี 63 ผลงานมีแววโตหรู หลังธุรกิจเดินหน้าตามแผน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRR โดย นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทย้ำรายได้ปีนี้ดีกว่าปีก่อน ที่ทำได้ 5.92 พันล้านบาท ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้นราว 30% หรือแตะ 3ล้านตัน ขณะที่ปริมาณอ้อยคาดจะอยู่กว่า 300ตัน และยังได้ยิลล์ค่อนข้างสูง จากการสกัด แต่อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำตาลทรายโลกอยู่ในสภาวะลดลง โดยปัจจุบันนี้ราคาอยู่ที่ 12 เซนต์ต่อปอนด์ แต่ทางบริษัทได้ทำการขายน้ำตาลล่วงหน้าแล้ว 60-70% ในราคาเฉลี่ยราว 17 เซนต์ต่อปอนด์ ทั้งนี้มองว่าทิศทางราคาน้ำตาลโลก ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปภายในปีนี้ แต่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ภายในปีหน้า จากความต้องซื้อและความต้องการขายที่เข้าสู่จุดสมดุล
พร้อมกันนี้ทางบริษัทยังได้อยู่ระหว่างเตรียมก่อสร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยซึ่งปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในธุรกิจนี้ราว 400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้มีที่ดินพร้อมและสั่งเครื่องจักรแล้ว คาดว่าช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเริ่มก่อสร้าง และแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการได้ต้นปี 2562 ขณะที่แนวโน้มตลาดบรรจุภัณฑ์ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากความต้องการตลาดโลกค่อนข้างสูง โดยบริษัทจะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเจาะตลาดในประเทศและต่างตลาดประเทศทั้งที่ยุโรป และสหรัฐ
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อศึกษาธุรกิจอาหารร่วมกันเพื่อหวังต่อ ยอดธุรกิจต่อไป ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้นักลงทุนทราบโดยทันที
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานภายในปี 2563 บริษัทเชื่อว่าจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ภายหลังจากโครงการที่ลงทุนต่างๆ เป็นไปตามแผน ได้แก่ โรงงานบรรจุภัณฑ์ชานอ้อย ที่จะทำการสร้างทั้งสิ้น 2 เฟส ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 และ2563 รวมถึง โรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ ที่จะแล้วเสร็จในปี 2563 และยังมีโครงการเอทานอล ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่าง ขอใบอนุญาต จากEIA ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงปี 2563 รวมไปถึงธุรกิจอาหาร ที่ร่วมมือกับผู้ประกอบการต่างประเทศรายใหญ่ ที่จะได้ความชัดเจนภายในปี 2563 เช่นกัน
นายอนันต์ยังกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของโรงไฟฟ้าVSPP Semi-Firm แห่งที่ 4 ปัจจุบันนี้ได้ล้มเลิกการลงทุนไป เนื่องด้วยภาครัฐได้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้า รวมไปจนถึง เยื้อวัตถุดิบไม่เพียงพอ ที่จะนำมาผลิตเป็นไฟฟ้าได้ในระยะยาว โดยปัจจัยดังกล่าวไม่ได้มีผลต่อการดำเนินงานแต่อย่างใด
www.mitihoon.com