มิติหุ้น-บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า จากที่ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส1/2561 ที่ 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 6 % จากไตรมาส 4/2560 ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาดและตลาดคาดด้วยปัจจัยบวก 1. รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.2 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1 % จากไตรมาส4/2560 2.รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เติบโตถึง 31.8 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เติบโต 22.4 % จากไตรมาส4/2560 เนื่องจาก BBL มีบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนราว 2.5 พันล้านบาท ซึ่งกำไรพิเศษส่วนใหญ่ ถูกใช้เป็นสำรองส่วนเกินเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของงบดุล ส่งผลให้ Credit cost ในไตรมาส1/2561เร่งขึ้นเป็น 147 bps จาก 93 bps ในไตรมาส4/2560 และอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ทรงตัวในระดับสูงเป็นอันดับสองของกลุ่มธนาคารที่ 159 % ท่ามกลาง Gross NPL ปรับตัวขึ้นในอัตราชะลอตัวจาก 13 % ในไตรมาส4/2560 เป็น 5.4 % ในไตรมาส1/2561
ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส2/2561 คาดจะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อโดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ตามการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการตั้งสำรองที่อาจลดลง ตามแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้ง ผลกระทบต่อการยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมทางการเงินจำกัดเมื่อเทียบกับ KBANK และ SCB จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” และเลือก BBL เป็น Top pick ของกลุ่ม ด้วยราคาเปาหมายสิ้นปี 2561 ที่ 230 บาท/หุ้น โดยประเมินว่าปี 2561 กำไรเติบโต 7.2 % เด่นกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม
www.mitihoon.com