มิติหุ้น – TCAP เตรียมแจกเงินผลอีก 1.30 บาทต่อหุ้น หลังจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.90 บาท รอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติวันนี้ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ “Customer Centric” หวังขึ้นเป็นแบงก์หลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ ด้านโบรกเชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 64.00 บาท มองกำไรปี 2561 โตแข็งแกร่ง 10% สู่ระดับ 7,708 ล้านบาท พร้อมจุดเด่นปันผลสูง
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทุนธนชาต หรือ TCAP รอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2560 โดยในวันนี้ (25เม.ย.) จะมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2560 ในอัตรา 2.20 บาทต่อหุ้น แต่ TCAP ได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วจำนวน 0.90 บาทต่อหุ้นเมื่อช่วงเดือนต.ค.2560 จึงยังเหลือจ่ายปันผลอีก 1.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2560 เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2559 ที่มีการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 2.00 บาทต่อหุ้น
ขึ้นแท่นMain Bank ลูกค้า
ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมานั้น TCAP ประกาศกำไรสุทธิที่ระดับ 1,899 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ของธนาคารธนชาต หรือ TBANK ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric ซึ่งเน้นการเป็นธนาคารหลัก หรือ Main Bank ของลูกค้า
ทั้งนี้ จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวยังช่วยให้ผลประกอบการของ TBANK เติบโตต่อเนื่อง 13 ไตรมาสติดต่อกัน โดยผลประกอบการเฉพาะ TBANK และบริษัทย่อยสามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 3,779 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ธุรกิจบริหารหนี้ขยายตัว
โดยปัจจุบันสินทรัพย์รวมของกลุ่มธนชาตปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเอสเอ็มอี โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ NPL Ratio อยู่ระดับ 2.48% โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งหมดต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ Coverage Ratio ที่ระดับ 127.47%
ทั้งนี้ นอกจากการเติบโตของธุรกิจธนาคารแล้ว ทาง TCAP ยังมีธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันได้มี Active เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งล่าสุดยังได้มีการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินอื่นเข้ามาบริหารเพิ่มเติม
ส่องกำไรเติบโตแข็งแกร่ง
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บจ.หลักทรัพย์ ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” TCAP ราคาเป้าหมาย 64.00 บาท ซึ่งผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2561 ถือว่ายังมีความแข็งแกร่งแม้ไม่มีบันทึกรายการพิเศษเหมือนไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่แนวโน้มปี 2561 อาจเห็นภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีที่เหลืออยู่น้อยกว่าปีก่อน แต่มองว่ากำไรสุทธิยังคงสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการที่สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมยังมีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างดี รวมทั้งค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่ลดลงต่อเนื่อง โดยฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 2561 ที่ระดับ 7,708 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน
ในส่วนของราคาหุ้น TCAP ในปัจจุบันซื้อขายกันในระดับ Forward PBV 1.0 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่มีอัพไซด์ค่อนข้างน่าสนใจ โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 64.00 บาท อิง PBV 1.14 เท่า ขณะที่ TCAP ประกาศจ่ายปันผล 1.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 2.4% ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 2 พ.ค.นี้
