ลุ้นผลการประชุม Fed

69

ช่วงเวลาของการลงทุนก็สู่เดือนพ.ค.กันแล้วนะครับและมาพร้อมกับสถานการณ์สำคัญที่ต้องจับตาดูกันในช่วงต้นเดือนใหม่นี้กันเลย นั่นคือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) วันที่ 1-2 พ.ค. นี้ ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีการประชุมของธนาคากลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งผลสรุปการประชุม ECB ยังคงใช้ถ้อยแถลงดังเช่นในร่วมการประชุมก่อนหน้านี้ ที่ยังคงเดินหน้าอัดฉีดต่อไปจนถึงเดือนกันยายน และพร้อมขยายเวลาถ้ามีความจำเป็น พร้อมกับมีมุมมองเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงฟื้นตัวในระดับปานกลางขณะที่ประเด็นเรื่องสงครามการค้า ECB ใช้คำว่า “ขึ้นอยู่กับสถานการณ์” เป็นการสะท้อนถึงภาวะความไม่แน่นอน (uncertainty) ที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในอนาคตหากสงครามการค้าเกิดขึ้น ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีการปรับลดอัตราเงินเฟ้อประมาณการจาก 1.4% ในปีนี้สู่ระดับ 1.3% พร้อมกับการเดินหน้าอัดฉีดเงินอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯที่เราจะรู้ผลในเช้าวันที่ 3 พ.ค. นี้ ตลาดจะจับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่าจะปรับขึ้นกี่ครั้ง และอัตราเร่งในการลดขนาด QE นั้นจะเร็วเพียงใด หาก Fed ส่งสัญญาณว่ากังวลต่อภาวะเงินเฟ้อในอนาคต นั่นจะเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นเพราะอาจเป็นปัจจัยเร่งให้นักลงทุนขายหุ้น หรือเกิด Fund Outflow และเกิดการปรับพอร์ตในตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นอาจปรับตัวลงได้แรง แต่ในทางกลับกันหาก Fed ไม่พูดถึงเชื่อว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ ทาง KTBST คาดว่า ในการประชุมครั้งนี้ Fed ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% จากช่วงก่อนหน้าและคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปในรอบการประชุมเดือน 6

ดังนั้นการลงทุนในสัปดาห์นี้ โดยรวมเนื่องจากมีวันทำการแค่ 4 วัน ภาพการลงทุนแนะนำ “ถือ” เพื่อรอดูผลการประชุม Fed หรือเข้าลงทุนเน้นลงทุนสั้นๆ ในหุ้นที่ปัจจัยเฉพาะตัว หรือราคาปรับตัวลงมามาก ประเมินกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,750-1,800 จุด  หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจจะเป็นกลุ่มธนาคารเช่น BBL และ SCB จากราคาที่ลงมามาก , หุ้นที่มีข่าวบวกของกลุ่มโทรศัพท์เช่น  TRUE , หุ้นลงทุนโครงการคมนาคม BEM , BTS  มาลุ้นกันะครับว่าในเดือนพ.ค.นี้ ตลาดหุ้นไทยจะวิ่งไปอยู่ที่ระดับ 1800 จุดได้อีกมั้ย …

โดยชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST)

www.mitihoon.com