Baltic Dry Index กลับสู่ปกติ หลังจากได้รับผลกระทบจากประเด็นการค้า

501

ดัชนีค่าระวางเรือ หรือ Baltic Dry Index (BDI) ฟื้นตัวขึ้นมาถึง 30% จากจุดต่ำสุดใน 2Q18 ที่ระดับ 948 มาอยู่ที่ระดับ 1,346 การฟื้นตัวของ BDI นำโดยการฟื้นตัวแบบ V-shape ของค่าระวางเรือขนาด Capesize หลังจากที่ร่วงลงมาถึง 40% ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม ซึ่งผู้ซื้อสินค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนในประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งความตึงเครียดคลี่คลายลงไปหลังจากที่ทั้งสองประเทศเตรียมตัวเจรจากันหลังจากที่มีการขู่ว่าจะมีการตั้งกำแพงภาษีระหว่างกัน เราคาดว่าปริมาณการผลิตเหล็กของจีนจะฟื้นตัวขึ้นใน 2Q18 หลังจากที่มีการผ่อนคลายการควบคุมการผลิตเหล็กในเดือนมีนาคม

นอกจากนี้ การที่จีนมีพันธะกรณีที่จะต้องปรับปรุงคุณภาพอากาศ ก็จะช่วยให้อุปสงค์การนำเข้าแร่เหล็กเกรดสูงเพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่าปริมาณการผลิตแร่เหล็ก ซึ่งถูกกระทบจากฝนที่ตกหนักในบราซิลใน 1Q18 จะกลับเข้ามาในตลาดในไตรมาสนี้ เราคาดว่าจีนจะนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิลเพิ่มขึ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน เพื่อกระจายความเสี่ยงจากประเด็นความตึงเครียดทางการค้าในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยหนุน BDI ใน 2Q18

อัตราค่าระวางเรือแห้งเทกองจะเพิ่มขึ้นในปี 2018 จากปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น Fitch Ratings คาดว่าความตึงเครียดทางการค้าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไม่มากนักในระยะสั้น เนื่องจากคาดว่าจะมีทางออกจากการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม หากเกิดสงครามการค้าขึ้นจริงก็อาจจะดีต่อธุรกิจเดินเรือ เนื่องจากผู้ซื้อจะต้องหาซื้อสินค้าจากแหล่งอื่นที่ต้องขนส่งไกลขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจเดินเรือคิดค่าระหว่างได้ตามระยะทางมากขึ้น (tonne-miles)

ทั้งนี้ BDI ขยับขึ้นมาแล้วถึง 25% yoy ใน 1Q18 เป็น 1,180 และเราคาดว่า BDI เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 30% yoy เป็น 1,500 ในปี 2018F เนื่องจาก อุปสงค์เพิ่มขึ้น (2-3% yoy) แรงกว่าอุปทาน (1-2% yoy) นอกจากนี้ เกณฑ์ Ballast Water Management ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนปี 2019 และ clean oil convention ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2020 ก็จะทำให้ต้องมีการลงทุนอีก 20-30% ของมูลค่าสินทรัพย์ ซึ่งจะเป็นตัวจำกัด order ใหม่ และบีบให้ต้องมีการปลดระวางเรือเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

หลักทรัพย์กรุงศรีให้น้ำหนักกลุ่มเดินเรือที่ OVERWEIGHT หรือให้น้ำหนักมากกว่าตลาด โดยมองว่า PSL และ TTA เป็นหุ้น turnaround เราคาดว่าทั้ง PSL และ TTA จะมีกำไรใน 1Q18F เนื่องจากอัตรา TC รายวันในไตรมาสนี้สูงกว่าต้นทุนรวมต่อลำ ในขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงมา 5% และ 7% ตามลำดับ หลังจากที่สหรัฐออกข่าวการเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก