TU กำไรฮวบ 41 % ผลกระทบบาทแข็ง-สต็อก

141

มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุว่า จากที่ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU ได้รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561  ที่ 869 ล้านบาทลดลง 41 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 38%  จากไตรมาส4/2560 ใกล้เคียงคาด (คาด 880 ลบ.) หากไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 581 ล้านบาท กำไรขายเงินลงทุน 139 ล้านบาท กำไรจากธุรกิจที่ยกเลิก 10 ล้านบาท จะส่งผลให้ TU มีกำไรปกติเหลือเพียง 139 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 20 ไตรมาส ซึ่งถ้าไตรมาสนี้ไม่มีรายการเครดิตภาษีจาก Red Lobster และ Rugen Fish เข้ามาช่วย (ทำให้ไม่มีภาษีจ่าย) และส่วนแบ่งกำไรที่ดีจาก Avanti และ Red Lobster  TU จะแย่ถึงขั้นขาดทุน

ส่วนกำไรหลักที่ไม่ดีเพราะบาทแข็ง และมีสต็อกปลาแพง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงแรงเหลือ 11.3% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส1/2560 อยู่ที่ 13.8% และต่ำกว่าเป้าหมายที่ 14-15%  ซึ่งกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561 คิดเป็นสัดส่วน 15% ของประมาณการทั้งปี ฝ่ายวิจัยมองว่าผลการดำเนินงานไตรมาส1/2561 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าแนวโน้มกำไรน่าจะฟื้นได้ในไตรมาส 2/2561 จึงยังคาดกำไรสุทธิปีนี้จะลดลง 4.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคงราคาเป้าหมายที่ 21 บาท/หุ้น ทำให้ยังมี Upside 12% แนะนำ “ซื้อลงทุน”

ขณะที่ทางผู้บริหารTU ยังประเมินแนวโน้มทั้งปี 2561 TU จะประสบความสำเร็จในการเจรจาปรับราคาสินค้าผลิตภัณฑ์แบรนด์ในตลาดยุโรปและอเมริกา โดยราคาใหม่จะมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2/2561 ส่วนราคาวัตถุดิบและราคาสินค้าคงคลังใกล้เคียงกันมากขึ้นบริษัทมีมุมมองเชิงบวกกับต้นทุนราคาวัตถุดิบกุ้งและแนวโน้มตลาดอเมริกาที่มีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น  ประกอบกับที่ TU ได้การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเปิดตัวธุรกิจใหม่ เช่น ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Marine Ingredient นั้นจะมีการเปิดตัวในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังคงเข้มงวดเรื่องการควบคุมต้นทุน ส่งผลให้บริษัทเดินหน้าแผนลดต้นทุน 1 พันล้านบาท

www.mitihoon.com