5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคบ่าย

269

อันดับที่ 1 CPALL บวกแกร่ง! คาด Q1/61 กำไรโต 20% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 94 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ. หรือ CPALL ช่วงเช้ายืนในแดนบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยปิดตลาดครึ่งวัน (12.30 น.) ราคาอยู่ที่ 88 บาท/หุ้น บวก 0.50 บาท หรือ +0.57 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 383.9 ล้านบาท ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเมินกำไรสุทธิ CPALL ในช่วงไตรมาส1/2561 จะมีกำไรสุทธิ 5,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% เทียบกับไตรมาส 4/2560 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น เนื่องจากเติบโตตามการท่องเที่ยว และภาวะเศรษฐกิจที่พื้นตัว รวมถึงการขยายสาขา และเป็นการเติบโตจากยอดขายของสาขาเดิมกว่า 4% พร้อมกับคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย CPALL 94 บาท

อันดับที่ 2 EPG รอบบัญชีปี 61-62 แนวโน้มโตสดใส ปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ ศก.ฟื้นตัวเป็นแรงหนุน ดันเป้ารายได้โต 15%

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ.อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป หรือ EPG ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยล่าสุดปิดตลาดครึ่งวัน (12.30 น.) อยู่ที่ 7.55 บาท บวก 0.30 บาท หรือ+ 4.14 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 149.27 ล้านบาทด้านแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดบัญชีปี 2560-2561 (เม.ย. 60- มี.ค. 61) ของ EPG มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง หลังจากได้รับผลกระทบจากความต้องการสินค้าในปีที่ผ่านมาลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติก ประกอบกับ ต้นราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน รวมถึงได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น

อันดับที่ 3 BANPU กูรูคาดไตรมาส1/61 ขาดทุนต่ำกว่าคาด แนะซื้อ สูงสุด 26 บาท/หุ้น

มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บล.เอเอสแอลระบุว่า จากกรณีที่ราคาหุ้น BANPU หรือ บมจ.บ้านปู ปรับลดลงกว่า 7% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าได้สะท้อนคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส1/2561  ของ BANPU ที่จะประกาศออกมาขาดทุน 1.5 พันล้านบาท โดยถือว่าเป็นผลประกอบการออกมาต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เบื้องต้น (ก.พ. 61) เป็นผลจากการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มากถึง 1.4 พันล้านบาท และจะมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับคดีหงสา ตามคำสั่งศาลฎีกา เป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการและยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าเหมาะสมที่หุ้นละ 25 บาท เช่นเดียวกับบทวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ระบุว่า แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” จากกำไรช่วงที่เหลือของปีนี้จะฟื้นตัว แต่ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายที่ไม่แน่นอนของจีน ที่ราคาเป้าหมายหุ้นละ 26 บาท

อันดับที่ 4 TU กำไรฮวบ 41 % ผลกระทบบาทแข็ง-สต็อก

มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุว่า จากที่ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU ได้รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561  ที่ 869 ล้านบาทลดลง 41 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 38%  จากไตรมาส4/2560 ใกล้เคียงคาด (คาด 880 ลบ.) หากไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 581 ล้านบาท กำไรขายเงินลงทุน 139 ล้านบาท กำไรจากธุรกิจที่ยกเลิก 10 ล้านบาท จะส่งผลให้ TU มีกำไรปกติเหลือเพียง 139 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 20 ไตรมาส ซึ่งถ้าไตรมาสนี้ไม่มีรายการเครดิตภาษีจาก Red Lobster และ Rugen Fish เข้ามาช่วย (ทำให้ไม่มีภาษีจ่าย) และส่วนแบ่งกำไรที่ดีจาก Avanti และ Red Lobster  TU จะแย่ถึงขั้นขาดทุนคงราคาเป้าหมายที่ 21 บาท/หุ้น ทำให้ยังมี Upside 12% แนะนำ “ซื้อลงทุน”

อันดับที่ 5 CPT ยัน! 4 ผู้บริหารขาย Big lot ออก 56 ล้านหุ้น “ไม่ติด Silent Period” แน่นอน ชี้หากติด ทาง TSD ไม่ยอมให้โอนหุ้นออกแน่

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ หรือ CPT โดย นายอภิชาติ ปีปทุม กรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ยืนยันว่า หุ้นจำนวน 56 ล้านหุ้น ที่ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวน 4 ราย ทำรายการขาย Big lot ออกมา และแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลท.เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2561 ที่ผ่านมา เป็นหุ้นที่ไม่ติดช่วงห้ามขาย หรือ Silent Period แน่นอนทั้งนี้ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มไม่ติด Silent Period มีทั้งสิ้น 135 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 900 ล้านหุ้น