5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้น ภาคเช้า

872

อันดับที่ 1 KSL ไตรมาส 2-3 ผลงานโตฉลุย อ้อยเข้าหีบเพิ่ม 60% ปริมาณผลิตไฟฟ้าพีค ดันรายได้โตแรง 20-30%

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.น้ำตาลขอนแก่น หรือ KSL โดยนายชลัช  ชินธรรมมิตร์ กรรมการบริหาร เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2/2561 (ก.พ.-เม.ย.61) คาดว่าจะมีผลประกอบการออกมาเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีปริมาณอ้อยที่เข้าหีบเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ภาพรวมในประเทศไทยมีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 133 ล้านตันอ้อย เพิ่มขึ้นประมาณ 40% เทียบกับปีก่อน ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบประมาณ 93 ล้านตันอ้อย ขณะที่ราคาน้ำตาลปรับตัวลดลงที่ระดับ 11-12 เซ็นต่อปอนด์

นอกจากนี้ คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 3 (พ.ค.-ก.ค.61) ที่ยังมีปริมาณอ้อยเข้าหีบต่อเนื่องและกำไรการผลิตไฟฟ้าพีคสูงสุดได้อีกเนื่องจากมีวัตถุดิบมากขึ้นสำหรับผลิตไฟฟ้าหนุนประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 10% อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาพรวมทั้งปีมั่นใจว่าจะทำรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ 20-30%

 

อันดับที่ 2 GPSC อวดผลงานโค้งแรกกำไรพุ่ง28% ลั่นทั้งปีโตสวย แถมทุ่มงบ6พันลบ. ขยายธุรกิจต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC   โดย ดร. เติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า   ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทฯ และกลุ่มบริษัท GPSC มีรายได้ทั้งสิ้น 5,716 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2560  ทั้งสิ้น 867 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่จำนวน 922 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 ล้านบาท หรือร้อยละ 28  จากไตรมาสที่ 4 ปี 2560 โดยมีรายได้จากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ (IRPC-CP)  ซึ่ง GPSC ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ที่ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มกำลังการผลิตทั้งสองระยะ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2560 ตามแผนที่กำหนดไว้

นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมงบลงทุนไว้อีก 6, 000 ล้านบาท เพื่อนำมา ลงทุน Central Utility Plant 4 กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์และ โรงไฟฟ้าขยะครบวงจร (แปลงเป็นเชื้อเพลิงประเภท RDF) โดยการลงทุนจะมาจากเงินสดของบริษัทที่จะมีเข้ามาปีละ 4.5 พันล้านบาท   และ รับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุนปีละ 400-500 ล้านบาท และ การกู้จากสถาบันการเงินอีกจำนวนหนึ่ง

 

อันดับที่ 3 KBS ดวงตก หลังราคาน้ำตาลตลาดโลกทรุดหนัก เดินหน้าคุมค่าใช้จ่ายสุดกำลัง

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.น้ำตาลครบุรี หรือ KBS โดยแหล่งข่าวอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในปีนี้ในเชิงของกำไรสุทธิยังมีผลขาดทุน จากที่มีผลขาดทุนติดต่อกันมา 3 ปีติดต่อกัน จากเมื่อปี  58 ขาดทุนสุทธิ 50.18 ล้านบาท ต่อมา ปี 59 ขาดทุน 355.26 ล้านบาท  และต่อมาปี 60 มีผลขาดทุน 376.64 ล้านบาท  ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับตัวลงค่อนข้างมาก จากปัจจุบันนี้ราคาเฉลี่ยอยู่เพียง 11.5 เซนต์ต่อปอด์น

สำหรับภาพรวมของรายได้ในปีนี้คาดว่ายังคงสูงกว่าปีก่อน  ที่ทำได้ 8,171.88 ล้านบาท เนื่องด้วยกำลังการผลิตที่สูงขึ้นแตะ 3.5หมื่นตันต่อวัน จึงดันให้จำนวนอ้อยเข้าหีบเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 3.9ล้านตันอ้อย จากปีก่อนที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพียง 2.4ล้านตันอ้อย

 

อันดับที่ 4 SQ ไม่ย่อท้อ ลุยปั้นกำไรให้ใกล้เคียงปีก่อน แม้งานชะงักไปครึ่งปีแรก แถมปักธงรายได้โต30%

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า  บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ โดย นายศาศวัต ศิริสรรพ์ กรรมการ เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน เหตุจากดินสไลด์ที่เหมืองถ่านหินแม่เมาะ ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างไตรมาส1/2561และไตรมาส2/2561 จึงทำให้กระบวนการทำงานมีผลล่าช้าตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งทางบริษัทยังคงเร่งงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อผลการดำเนินงานน้อยที่สุด   ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาโดดเด่นได้อีกครั้ง โดยปัจจัยดังกล่าวนั้นจะดันผลกำไรสุทธิของปีนี้ให้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 360 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,185.68 ล้านบาท เนื่องด้วยขณะนี้มีงานในมือ (Backlog) อีกกว่า 36,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่อง ตามการส่งมอบงานตามเวลาที่ผู้ว่าจ้างกำหนดไว้   อีกทั้งทางบริษัทยังหางานใหม่เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง

 

อันดับที่ 5 หุ้นรพ. ไม่หยุดฮ็อต  RJH เข้าตาเซียน ส่องกำไรโค้งแรกแตะ 65ลบ. แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 35บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ฟิลลิป โดย ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า  จากการประเมิน  บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH พบว่า แนวโน้มกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/2561 จะทำได้ 65 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.2% และ เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้  ส่วนรายได้ประเมินว่าจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยรายได้กลุ่มลูกค้าเงินสด คาดจะเติบโตจากจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรค เช่น ไวรัสโรต้า ไข้หวัดใหญ่ และจากปรับขึ้นค่ายาและเวชภัณฑ์ผู้ป่วยใน (IPD) อีกราว 10% และในกลุ่มลูกค้าประกันสังคม คาดจะมีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มเป็น 1.72 แสนราย บวกกับผลจากปรับขึ้นค่ารักษาประกันสังคมใหม่ ส่วนศูนย์ MRI คาดจะรับรู้ส่วนแบ่งรายได้ฯเข้ามาเริ่มต้นที่ 1-2 ลบ. ทั้งนี้คาด GPM จะปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส1/2560 และในไตรมาสนี้คาดจะไม่มีการบันทึกประโยชน์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีเข้ามา ดังนั้นแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 35บาท