ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ในช่วงเปิดตลาดภาคบ่ายวันนี้ ปรับตัวมาอยู่ที่ 92.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 1.60% หลังแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 เป็นกำไรสุทธิ 5.60 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/60 ที่กำไรสุทธิ 7.07 พันล้านบาท
พร้อมระบุว่า เมื่อเทียบไตรมาส 1/61 กับช่วงเดียวกันปีก่อน กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 4,021 ล้านบาท จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 1.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่นที่ลดลง โดยได้รับแรงกดดันจาก Crude Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก
อีกทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันเตา รวมถึงส่วนต่างราคาสารอะโรเมติกส์ปรับลดลง ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA ลดลง 2,189 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 147 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 96 ล้านบาท เมื่อหักค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายภาษีเงินแล้ว ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิลดลง 1,467 ล้านบาท
ด้าน บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ธุรกิจ TOP อิงกับค่าการกลั่นเป็นสำคัญ แม้ว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูง แต่ TOP ไม่ได้รับผลบวกมากนัก เนื่องจากมีต้นทุนค่า Crude Premium ที่สูงตามราคาน้ำมันที่สูง ทำให้ค่าการกลั่นถูกบีบตัว อย่างไรก็ตาม Top ยังคงมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง สูงถึงระดับ 6.8 หมื่นล้านบาท และมีการจ่ายปันผลในระดับที่ดีปานกลางคือราว 5% ซึ่งเมื่อเทียบกระแสเงินสดแล้วมีโอกาสที่จะจ่ายปันผลได้สูงกว่านี้
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มกำไรปี 61-62 จะยังคงทรงตัว แต่กระแสเงินสดดี EV/EBITDA และPER ต่ำเพียง 5 เท่า และ 9 เท่า จึงประเมินราคาเป้าหมายที่ 111 บาท และแนะนำ “ซื้อ” โดยมี Upside ราว 15%
ในส่วนของ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ของ TOP จะยังคงทรงตัวจากไตรมาส 1/61 จึงยังไม่แนะนำซื้อ