ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บลจ.โมโน เทคโนโลยี หรือ MONO โดยนายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่การตลาด เปิดเปยว่า บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิปี 61 จะดีกว่าปีก่อนอยู่ที่ 58.17 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังตั้งเป้ารายได้ในปี 63 จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 6,303 ล้านบ้าน จากปีนี้คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท โดยมีการเติบโตหลังมาจากธุรกิจทีวี ประกอบกับในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นขยายภาพยนต์ผ่านทางออนไลน์ “monomxxx” มากยิ่งขึ้น ซึ่งสัดส่วนรายได้จากทีวีจะอยู่ที่ 70% และอีก 30% มาจาก “monomxxx”
ขณะเดียวกันบริษัทได้วางงบลงทุน 3 ปี ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในปี 61 ที่ 1.2 พันล้านบาท, ปี 62 จำนวน 1.8 พันล้านบาท และปี 63 อีกจำนวน 2 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดเป็นหลัก โดยบริษัทจะนำไปซื้อคอนเทนต์ใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจทีวีช่อง MONO29 ในปีนี้ มองว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตราค่าโฆษณาปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 บาท/นาที จากปัจจุบันอยู่ที่ 35,800 บาท/นาที โดยในไตรมาส 2/61 อัตราค่าโฆษณาน่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3.9 หมื่นบาท/นาทีได้ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 ที่คาดว่ารายได้น่าจะเติบโต 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/60 รวมถึงบริษัทจะยังคงรักษาอันดับ 1 ใน 3 ของจำนวนช่องฟรีทีวีทั้งหมด จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 3
นายนวมินทร์ กล่าวว่า ในเรื่องของมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ขณะนี้ยังรอคสช.ออกคำสั้งตามมาตรา 44 อยู่ หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว 3 ประการ คือ 1.อนุญาตให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี ในการชำระเงินงวดที่เหลือของปี 61-63 เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินไว้ดำเนินธุรกิจต่อไป พร้อมคิดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.50% ต่อปี , 2. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะสนับสนุนเรื่องโครงข่ายภาคพื้นดิน (MUX) ที่เปลี่ยนจากระบบอนาล็อคมาเป็นระบบดิจิทัล ไม่เกิน 50% ภายในระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ คสช.ออกคำสั่งตามมาตรา 44 โดยที่เหลืออีก 50% ผู้ประกอบการเป็นผู้ชำระเอง และ 3.อนุญาตให้โอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจทีวีดิจทัลได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นที่สนใจได้เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในอนาคต
ทั้งนี้บริษัทมองว่าในเบื้องต้นมาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ทำตามเงื่อนไขข้อ 1 และ 2 โดยเฉพาะในข้อสองคิดว่าหากมีการช่วยลดค่า MAX 50% จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายได้ปีละ 28 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 2 ปี ส่วนข้อที่ 3 เราถือว่ามีความสามารถในการดำเนินธุรกิจ จากผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง
www.mitihoon.com
