มิติหุ้น- ECF มั่นใจ Q2/61 ฟอร์มดีต่อเนื่อง ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรใหม่ แตกไลน์สินค้าใหม่ ปั๊มยอดขาย เดินเกมรุกธุรกิจพลังงาน พ.ค.นี้ คาด MOU ศึกษาความเป็นไปได้โรงไฟฟ้าชีวมวลในต่างประเทศ เตรียม COD รับรู้รายได้โรงไฟฟ้า Biomass Gasification จ.แพร่ ส่วน Planet Board คืบหน้า ชงขออนุมัติบอร์ดเข้าลงทุนมิ.ย.นี้ เผยผลประกอบการ Q1/61 กวาดรายได้ 381.53 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.48 ล้านบาท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/61 ว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงต่อจากนี้จะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน
โดยในส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ คาดได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค.นี้ และบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เพิ่มผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เทรนด์การตกแต่ง ซึ่งในช่วงเดือน มิ.ย. นี้จะเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เติมเต็มคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยในบ้านเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม พัฒนาช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งหาแนวทางลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้ แผ่นเอ็มดีเอฟ (MDF Board) ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากในการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนเพื่อดำเนินธุรกิจ โดยมีกำลังการผลิตเริ่มต้นอยู่ที่ 600 – 800 ลูกบาศก์เมตร/วัน คาดว่าจะสามารถขอพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในการเข้าลงทุนภายในไตรมาส 2 นี้
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ อ.ลอง จ.แพร่ คาดว่าจะ COD และเริ่มรับรู้รายได้ในเดือน มิ.ย. 61 และจะเริ่มก่อสร้างโครงการถัดไปอีก 1 MW ในอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ คาดรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าภายในปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีก 2-3 โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ และบริษัทฯ ยังหาโอกาสเข้าซื้อโครงการด้านพลังงานอื่น ๆ เพิ่มเติมในประเทศด้วย
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปสำหรับ ผลประกอบการไตรมาส 1/61 ว่า บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 381.53 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 409.74 ล้านบาท จำนวน 25.97 ล้านบาท หรือลดลง 7 % และมีกำไรสุทธิ 9.48 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ทำไว้ประมาณ 18.63 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทแข็งตัว ประกอบกับโครงการด้านพลังงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังไม่สามารถรับรู้รายได้ในขณะนี้
