สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี SET index อ่อนแอกว่าคาด หลังเผชิญแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ แต่ยังเทรดในกรอบแนวรับที่เราประเมินไว้ (ไม่ต่ำกว่า 1740 จุด) สำหรับสัปดาห์นี้เราประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น จาก i) คาดแรงขายต่างชาติเริ่มชะลอ หลังค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า เป็นผลจากการที่สหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน เม.ย. ต่ำกว่าที่ Consensus คาด โดยฝ่ายวิจัยฯคาดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นชั่วคราว (แม้ว่าเดือน เม.ย.จะออกมาต่ำกว่าที่ Consensus คาดก็ตาม) เพราะราคาน้ำมันดิบเดือน พ.ค.ยังเร่งตัวขึ้นจากเดือน เม.ย. และฐานของราคาน้ำมันเดิบเดือน พ.ค. ปีก่อนหน้าต่ำกว่าฐานของเดือน เม.ย. ปีก่อนหน้าเล็กน้อย อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือน มิ.ย. แต่จะเริ่มขยายตัวในระดับที่ลดลงในเดือน ส.ค. เป็นต้นไปเนื่องจากฐานเงินเฟ้อยกตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯจะลดลงและจะลดความกังวลว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดลงไปด้วย (ฝ่ายวิจัยฯคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้)
ii) การเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอยู่ระหว่างพิจารณา หากมีการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ออกไปจริง คาดจะเป็นผลบวกต่อประมาณการกำไรของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินอื่น รวมทั้งคาดจะเป็นบวกต่อภาคเศรษฐกิจโดยเฉพาะ SMEs เราประเมินกรอบแนวรับ – แนวต้าน SET index ในกรอบ 1740 – 1785 จุด
เราประเมิน i) หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (TMB, KTB, SCB) มีโอกาสที่จะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาระยะสั้นจากประเด็นข่าวเรื่องการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9, ii) หุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPALL, COM7) จะยังเป็นหุ้นกลุ่มหลักจากประเด็นการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และรวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ อาทิ HOTPOT, GPI เป็นต้น, iii) หุ้นรับธีมไทยแลนด์ 4.0 + FinTech อาทิ ซอฟแวร์ NETBAY, SPPT / Hardware COM7*, SYNEX เป็นต้น iv) หุ้นกลุ่มรับเหมาฯที่ราคา Laggard อาทิ CK*, SEAFCO คาด 2H61 งานประมูลโครงการภาครัฐฯจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
www.mitihoon.com