มิติหุ้น-บมจ.การบินไทย หรือTHAI แจ้งว่า บริษัทและบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating profit) จำนวน 3,836 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 49.4% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากรายได้ค่าบัตรโดยสารและน้ำหนักส่วนเกิน รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และรายได้จากการบริการอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะมีค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่มีสาเหตุหลักเกิดจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 2,473 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 583 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตีค่าทางบัญชี ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 2,737 ล้านบาท ลดลง 13.6 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 3,169 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทส่วนใหญ่ 2,716.92 ล้านบาท ลดลง 13.9 % จากปี 2560 ที่มีกำไร 3,159 ล้านบาท
ด้านนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทฯ ได้จัดทำแผนฟื้นฟูธุรกิจปี 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผลการดำเนินงานมีกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยมีแนวทางการดำเนินงานตามกลยุทธ์หลัก 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) การสร้างกำไรจากการเพิ่มรายได้ ควบคุมต้นทุน และนำรูปแบบธุรกิจของสายการบินต้นทุนต่ำมาประยุกต์ใช้ 2) การปรับปรุงหน่วยธุรกิจให้เป็นศูนย์กำไร (Profit Center) ที่เติบโต แสวงหาโอกาสทางธุรกิจ และบริหารจัดการสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 3) การปรับปรุงการบริการครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม 4) การนำ Digital Application มาเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความสามารถในการแข่งขัน 5) การพัฒนาการบริหารงานบุคคลโดยเน้นโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมองค์กร ภาวะผู้นำและการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถ โดยในไตรมาสนี้ รับมอบเครื่องบินใหม่แบบแอร์บัส A350-900 รวม 4 ลำ สำหรับให้บริการในเส้นทางข้ามทวีปและเส้นทางภูมิภาค ทำให้มีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน ณ 31 มีนาคม 2561 จำนวน 104 ลำ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 9 ลำ มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 4.9% ในขณะที่ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 2.2% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 80.6% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ 80.9% แต่ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 82.8% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 6.25 ล้านคน ต่ำกว่าปีก่อน 4.1%
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาส 1 ของปี 2561 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 53,466 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3,662 ล้านบาท หรือ 7.4% โดยเพิ่มขึ้นทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้ค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์และรายได้จากการบริการอื่นๆ สำหรับค่าใช้จ่ายรวม 49,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,393 ล้านบาท (5.1%) เนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 1,189 ล้านบาท (9.3%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง 22.8% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น 1,280 ล้านบาท (3.9%) สาเหตุหลักเกิดจากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยาน และค่าเช่าเครื่องบินและอะไหล่เพิ่มขึ้น
www.mitihoon.com