BANPU ชง “ก.พลังงาน” ลงทุนระบบสมาร์ทซิตี้–สร้างโรงไฟฟ้า BLCP ระยะ 2

355

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บ้านปู หรือ BANPU โดยนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า กลุ่มบ้านปูได้เข้าพบ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยได้มีการหารือถึงทิศทางพลังงาน และแผนพัฒนาพลังงาน ซึ่งทางกลุ่มบ้านปูพร้อมตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริม ดิจิทัล 4.0 เนื่องจาก บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปู ที่เป็นผู้ให้บริการด้านการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร One Stop Service ก็มีแผนที่ทำเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City เพื่อตอบสนองนโยบายดิจิทัล 4.0 โดยได้ติดต่อเพื่อทำระบบ Smart City ให้กับโรงเรียนเอกชนหลายแห่ง แต่เบื้องต้นจะนำร่องSmart Cityในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage ) และคาดว่าจะมีโอกาสขยายต่อยอดออกไปอีกหลายโรงเรียน

อย่างไรก็ตามการดำเนินโครงการ Smart City ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น 3 การไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนมิภาค (กฟภ.) ที่ต้องมีการปรับปรุงระบบสายส่งใหม่เพื่อรองรับกับระบบสมาร์ทซิตี้ เพื่อให้เอกชนสามารถดำเนินการเชื่อมต่อสายส่งได้สะดวก และยังส่งผลให้เกิดต้นทุนต่ำในการดำเนินโครงการ และเพื่อให้เกิดโครงการสมาร์ทซิตี้ได้เร็วขึ้นหากมีความร่วมมือทั้ง 2 ฝ่าย

นอกจากนี้เพื่อตอบสนองนโยบายการกระจายเชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงาน ทางบ้านปู และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ก็พร้อมที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ระยะที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ เนื่องจากมองว่ายังเป็นโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำ ซึ่งทาง รมว.ก็ได้ให้ทางกลุ่มบ้านปูจัดทำข้อเสนอเข้ามาให้พิจารณาอีกรอบ อย่างไรก็ตามแต่ก็รอแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าประเทศไทย (PDP) ใหม่ก่อนว่าจะมีทิศทางออกมาอย่างไร

ส่วนโครงการโซลาร์ลอยน้ำขนาดกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ของ กฟผ. ทางบ้านปูก็สนใจร่วมลงทุนเช่นกัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาต้นทุนการลงทุนหากมีต้นทุนที่เกิดความคุ้มทุนก็มีโอกาสที่จะข้อเข้าไปร่วมลงทุนเนื่องจากทางบ้านปูก็มีประสบการณ์ทำโซลาร์ลอยน้ำในประเทศจีนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องรอความชัดเจนจากทางกฟผ.ก่อนว่าจะเปิดโอกาสในเอกชนร่วมลงทุนหรือไม่อย่าง

ทั้งนี้นางสมฤดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำและมีปริมาณสำรองมากถึง3แสนล้านตัน สามารถใช้ได้นาน300ปี ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีสะอาดทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ก่อให้เกิดมลภาวะเหมือนในอดีต ดังนั้นความต้องการใช้ถ่านหินโลกเติบโตปีละ5%

www.mitihoon.com