5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้น ภาคเช้า

255

อันดับที่ 1 STEC ราคาเด้งรับงานประมูล 4-5 แสนลบ. มั่นใจปี 61 กำไร 1,000 ลบ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น หรือ STEC ช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 21.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 4.39% โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมก่อสร้าง เปิดเผยว่า ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้เนื่องจากมาจากที่ราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวขึ้นมานาน กำไรสุทธิไตรมาส1/2561 ออกมาพลิกกำไรเป็น 292 ล้านบาทจากที่ขาดทุนเมื่อปีก่อน ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 นั้นจะมีงานประมูลออกมาหลายโครงการคาดว่าจะมีงานประมูลออกมากว่า 4-5 แสนล้านบาท

อันดับที่ 2 BANPU ชง “ก.พลังงาน” ลงทุนระบบสมาร์ทซิตี้–สร้างโรงไฟฟ้า BLCP ระยะ 2

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บ้านปู หรือ BANPU โดยนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า กลุ่มบ้านปูได้เข้าพบ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยได้มีการหารือถึงทิศทางพลังงาน และแผนพัฒนาพลังงาน ซึ่งทางกลุ่มบ้านปูพร้อมตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริม ดิจิทัล 4.0 เนื่องจาก บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปู ที่เป็นผู้ให้บริการด้านการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร One Stop Service ก็มีแผนที่ทำเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City นอกจากนี้เพื่อตอบสนองนโยบายการกระจายเชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงาน ทางบ้านปู และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ก็พร้อมที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ระยะที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ เนื่องจากมองว่ายังเป็นโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำ

อันดับที่ 3 UNIQ ราคาหุ้นเด้ง 3.70% ไตรมาส 2 แนวโน้มโตสดใส เดินหน้าประมูลงานรัฐ

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น หรือ UNIQ โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ราคาหุ้นช่วงเช้าปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 14 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 3.70%  เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/2561 มีแนวโน้มทำผลประกอบการออกมาดี หลังจากได้เริ่มต้นงานก่อสร้างโครงการใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2561 ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหม่ คือ งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก  โครงการรถไฟทางคู่ เส้นลพบุรี-ปากน้ำโพ 2 สัญญา ซึ่งจะส่งผลให้ทยอยรับรู้รายได้มากขึ้นในไตรมาส2นี้ ประกอบกับมีงานในมือ (Backlog) ราว 40,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 2/2561 คาดว่าจะเริ่มทยอยประมูลโครงการใหญ่ของภาครัฐไม่ว่าจะเป็นทางด่วนพระราม 3 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่าลงทุน 101,112 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่าลงทุน 85,316 ล้านบาท รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบิน มูลค่าลงทุน 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสที่ UNIQ จะเข้าประมูลงานเพื่อสะสมยอดงานในมือให้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะได้งานในสัดส่วน 20-25% ของมูลค่างานประมูล

อันดับที่ 4 VCOM  คว้างาน กรมที่ดิน –TMB – ม.รังสิต – กัมพูชา เกือบ 500 ล.  จ่อรับรู้รายได้ไตรมาส2 นี้

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. วินท์คอม เทคโนโลยี หรือ VCOM ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับการใช้งานในระดับองค์กร โดย นางทรงศรี ศรีรุ่งเรืองจิต กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ล่าสุด VCOM ได้รับงานคิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 500 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังได้รับงานในการเข้าไปพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อนำไปใช้ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการสื่อสารภายในองค์กรทางด้านความปลอดภัยและการใช้งาน ธนาคารทหารไทย (TMB) ในอายุสัญญาต่อเนื่อง 3 ปี โดยโครงการดังกล่าวได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Splunk ที่VCOM เป็นตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ ยังได้เข้าไปพัฒนาระบบสารสนเทศสู่องค์กรอัจริยะ (AGIS consortium  (Avitech, GDL, infopro, สิรินทิพย์) ของมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการลดเวลารวมถึงต้นทุนในการดำเนินงานด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของบุคลากร ด้านแผนการขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLM (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) บริษัทฯยังคงเพิ่มช่องทางขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดคว้างานของกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน(MOEF) ของประเทศกัมพูชา ซึ่งบริษัทฯ จับมือกับพันธมิตร First Cambodia Co.,Ltd เพื่อเปลี่ยน Oracle Exadata ใหม่และอัพเกรด Oracle Database License รวมถึงบริการติดตั้ง ACS จาก Oracle  ซึ่งเป็นงานเพิ่มเติมจากช่วงต้นปีที่ได้รับงานวางระบบให้กับธนาคารของพม่า อาทิMyawaddy Bank , CB Bank และ AYA Bank

อันดับที่ 5 MTC ตั้งเป้าปี61รายได้แตะ1หมื่นลบ. เน้นคุมNPLไม่เกิน1.5% เป้าเปิดสาขาครบ 3พันแห่ง

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล หรือ MTC โดยนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 2561 คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระยะ 3 ปี (2561-2563) ที่จะมีอัตราเฉลี่ยปีละ 35-40% โดยในปี 2561 มั่นใจว่าจะทำได้ตามแผน ซึ่งจะมีรายได้ที่ระดับ 10,000 ล้านบาท และมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่มากกว่า 80,000 ล้านบาท เติบโต40% ขณะที่ปี 2562 และปี 2563 ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยมากกว่า 35% ส่วนประเด็นที่นักลงทุนกังวล จากการที่ภาครัฐออก พ.ร.บ.กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินฉบับใหม่ มีความชัดเจนมากขึ้น โดยไม่ได้จำกัดดอกเบี้ยไว้ที่ 15% แต่ให้คิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งมีเพดานอยู่ที่ 36% ดังนั้นการลดดอกเบี้ยจึงไม่มีผลกับบริษัท และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 200 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะมีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 สาขา โดยมั่นใจยอดปล่อยสินเชื่อต่อสาขาไม่ลดลง