อันดับที่ 1 BGRIM ขอย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้า BGPR 1 และ BGPR2 ไปยังนิคมฯ เอเชีย หวังจ่ายไฟทันกำหนด 1 มิ.ย.64
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM โดย นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.ว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการขอย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้าโครงการ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด หรือ BGPR 1 และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด หรือ BGPR 2 ซึ่งลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2554 ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. หากบริษัทได้รับคำวินิจฉัยจาก กกพ.เรื่องการย้ายที่ตั้งดังกล่าวแล้ว บริษัทยังคงวางแผนกำหนดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าประมาณ 24- 26 เดือนก่อนกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (SCOD) เพื่อให้โรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายในวันที่ 1 มิ.ย.2564 ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
อันดับที่ 2 PLANB ทุ่ม 182 ลบ. ซื้อหุ้น “บีเอ็นเค48”
มิติหุ้น-บมจ.แพลน บีมีเดีย หรือ PLANB แจ้งว่าได้เข้าลงทุนในบริษัท บีเอ็นเค 48 ออฟฟิศ จำกัด หรือ “บีเอ็นเค48” ในสัดส่วน 35 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยแบ่งเป็น ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม 350,000 หุ้น สัดส่วน 17.5 % มูลค่าราว 82.25 ล้านบาท และยังจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 538,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 17.5 % ของจำนวนหุ้นชำระแล้วทั้งหมดมูลค่าราว 100 ล้านบาท รวมมูลค่าลงทุนทั้งสิ้นราว 182.25 ล้านบาทซึ่ง “บีเอ็นเค48” ดำเนินธุรกิจธุรกิจทาเล้นท์แมนเนจเม้นท์และคอนเทนท์ครบวงจร บริหารจัดการ พัฒนาสมาชิกวงบีเอ็นเค 48 วางแผน ผลิตงานแสดง เผยแพร่ผลงานเพลง จำหน่ายผลิตภัณฑ์โฆษณาประชาสัมพันธ์การขยายธุรกิจ ซึ่ง PLANB มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการสร้างโกาสเพิ่มรายได้ จากความหลกาหลายและความนิยมของธุรกิจ ด้านบทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุน ของPLANB ดังกล่าว เนื่องจากธุรกิจ บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ อยู่ในช่วงของการเติบโต ซึ่งจะช่วยต่อยอดธุรกิจของบริษัท จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยให้ราคาพื้นฐานหุ้นละ 8 บาท
อันดับที่ 3 GUNKUL ดีด 3.12% แจ้งซื้อหุ้นคืนแล้ว 59 ล้านหุ้น โบรกฯ เคาะเป้า 5 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL เช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสดใส สวนทางภาวะการลงทุนในตลาดที่ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยล่าสุด ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 3.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10% หรือ 3.12% มูลค่าซื้อขายกว่า 30 ล้านบาท ล่าสุด GUNKUL รายงานการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อวันที่ 23 พ.ค.อีกจำนวน 5,075,400 หุ้น รวมมูลค่า 16.074 ล้านบาท รวมจำนวนที่ซื้อคืนแล้วทั้งสิ้น 59,212,440 หุ้น มูลค่ากว่า 179 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนทั้งหมด 300 ล้านหุ้น ด้าน บล.ธนชาต แนะนำ “ซื้อ” หุ้น GUNKUL โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5 บาท
อันดับที่ 4 HANA รับผลบวกบาทอ่อนช่วง Q2 ขณะที่ความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์มีเพิ่ม โบรกแนะ “ซื้อ” ให้เป้า 38 บ. ปันผลสูง 5-6%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินภาพธุรกิจ บมจ. ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส หรือ HANA โดยระบุว่า ในงวดไตรมาส 1/61 อัตรากำไรลดลงเป็น 10.8% จาก 14.5% ในไตรมาส 4/60 เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งบริษัทมีการบันทึกผลกระทบส่วนนี้ไว้ในต้นทุนขายคิดเป็นประมาณ 85 ล้านบาท และจะยังมีบันทึกผลกระทบอีกประมาณ 25 ล้านบาทในไตรมาส 2/61 ส่วนผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบมีไม่มาก โดยธุรกิจหลักของบริษัทคือการรับจ้างผลิต (EMS) ลูกค้าจะเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบมาเอง ดังนั้น ในช่วงที่วัตถุดิบขาดแคลนและราคาปรับขึ้น ลูกค้าก็จะรับผลกระทบส่วนนั้นไปเอง อย่างไรก็ตาม และได้บริษัทจะประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนลงในไตรมาส 2/61
ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 38 บาท โดยอิงกับ P/E ปีนี้ที่ 18 เท่า และยังจ่ายปันผลสูง โดยให้ Yield ประมาณ 5-6% ต่อปี
อันดับที่ 5 TKN ราคาหุ้นวิ่งแรง หลังฟันธงงบโค้ง 2 โตสวย มั่นใจทั้งปีรายได้โตตามนัด 12-15% แนะ “ซื้อ” เป้า 23 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN โดยนายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 12-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,283.13 ล้านบาท และจะพยายามเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ 30-32% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 12-13% จากปีก่อนอยู่ที่ 11.30%
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส เปิดเผยว่า จากการประเมิน TKN พบว่า รายได้ในไตรมาสที่เหลือปีนี้จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น พร้อมด้วยอัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสฟื้นตัวจากราคาวัตถุดิบ และการมี Economy of Scale ซึ่งจะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท