มิติหุ้น – ASP ส่อง SET Index ปรับตัวลดลงเฉียด 2% นับจากต้นปี 2561 รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ 3 กลุ่ม แต่มองครึ่งปีหลังเริ่มมีปัจจัยลบลดลง เชียร์ลงทุน BBL, KBANK, TCAP
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส หรือ ASP โดยนางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน พบว่า SET Index ปรับตัวลดลงราว 1.9% ซึ่งมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ 3 กลุ่มคือกลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ครึ่งปีหลังเริ่มมีปัจจัยบวก
ทั้งนี้ มาร์เก็ตแคปของหุ้นกลุ่มธนาคารคิดเป็น 12.6% ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งนับจากต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวลดลงแล้วเกือบ 10% จากความกังวลเรื่องรายได้ค่าธรรมเนียมผ่านระบบออนไลน์ ที่จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 และจะกดดันกำไรสุทธิปี 2561 แต่การที่รายได้ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ จะช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าว รวมถึงโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 4/2561 ถือเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธนาคาร
ขณะที่มาร์เก็ตแคปหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างคิดเป็น 4.8% ของตลาดหุ้นไทย ลดลง 7.9% นับจากช่วงต้นปี ซึ่งแรงกดดันสำคัญมาจากหุ้น SCC ที่ผลการดำเนินงานออกมาต่ำกว่าคาด และความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างยังไม่ฟื้นตัว ทางด้านมาร์เก็ตแคปของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคิดเป็น 1% ของตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงถึง 11% จากปัจจัยลบของการเปิดประมูลโครงการภาครัฐที่ล่าช้า แต่คาดว่าจะเริ่มกลับมามีปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเปิดประมูลงานภาครัฐ และการทยอยเปิดประมูลโครงการอื่นๆในช่วงครึ่งปีหลัง
จัดพอร์ตหุ้นเด่นกลุ่มแบงก์
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมองว่าระดับราคาหุ้นของทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าวปรับตัวลดลงมาจนอยู่ในระดับที่ underperform ตลาดหุ้นไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเห็นการกลับมาฟื้นตัวของราคาหุ้นได้ในช่วงหลังจากนี้ โดยมาร์เก็ตแคปกลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมกันคิดเป็น 18.4% ของตลาดหุ้น ซึ่งใกล้เคียงมาร์เก็ตแคปหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงทำให้ SET Index ปรับตัวได้ไม่มาก แม้หุ้นกลุ่มพลังงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีตามแรงส่งวจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานจน Expected P/E ลงมา 15.6 เท่า ขณะที่ SET Index เป้าหมายอิง P/E ที่ 16.5 เท่า อยู่ที่ 1,815 จุด เทียบปัจจุบัน มี upside ราว 5.5% ที่บริเวณใกล้ 1,700 จุด จึงเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุน โดยฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นเป็น 40% จากเดิม 30% ซึ่งเน้นลงทุนหุ้น Domestic Play คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เลือก CK, ITD กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เลือก SCC กลุ่มธนาคาร เลือก BBL, KBANK, TCAP
www.mitihoon.com